ที่ปรึกษา รมต.นร. ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลของแผ่นดินที่นครพนม

ที่ปรึกษา รมต.นร. ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลของแผ่นดินที่นครพนม

ที่ปรึกษา รมต.นร. ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลของแผ่นดินที่นครพนม

วันที่ 19 ธันวาคม 2563 ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นำนายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนนายอำเภอธาตุพนม เจ้าหน้าที่ และพุทธศาสนิกชนจังหวัดนครพนม ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าในโอกาสวันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ โดยมีพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์

สำหรับพิธีเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลของแผ่นดินนั้น เป็นไปตามมติของมหาเถรสมาคม ที่ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดำเนินการจัดพิธีโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นกรอบแนวคิดในการดำรงชีวิตอย่างมีสติ ทำให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี และเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับแผ่นดินและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ในโอกาสวันชาติและวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563 ซึ่งจากการจัดพิธีพบว่ามีประชาชนจำนวนสนใจเข้าร่วมพิธีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะการสวดมนต์นั้นก่อให้เกิดอานิสงส์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งขับไล่ความขี้เกียจ อารมณ์เบื่อ ทำจิตให้เป็นสมาธิ ทำใจให้มีความสำรวม ยิ่งถ้าผู้สวดรู้ความหมายรู้คำแปลจะยิ่งทำให้ผู้นั้นก่อเกิดปัญญาเพราะต้องพิจารณาและคิดตามไปด้วย จึงมีการขยายระยะเวลาการจัดพิธีจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2563

โดยในโอกาสนี้พระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม ได้แสดงพระธรรมเทศนา ใจความตอนหนึ่งว่า คนเราทุกข์อยู่ที่หัว กลัวอยู่ที่ใจและเจ็บอยู่ที่ท้อง ดังนั้นเราจะต้องเอาพระพุทธมาไว้ที่หัว คือการทำสมาธิท่องพุทโธจะทำให้เรารู้ตื่น รู้เบิกบาน รู้เท่าทันในเรื่องต่าง ๆ สิ่งไหนไม่ดีก็ไม่ต้องทำ ต่อมาคือการเอาพระธรรมมาไว้ที่ใจเพื่อเป็นที่เครื่องยึดเหนี่ยวและเป็นที่พึ่งทางใจ ทำให้เรารู้จักอดทน ข่มใจ ใจเย็น ซึ่งจะทำให้เราหายหวาดกลัวในเรื่องต่าง ๆ และสุดท้ายคือเจ็บอยู่ที่ท้องเป็นเพราะเราไม่รู้จักพอเพียง กินมากเกินไป อยากได้มากเกินไป ใช้มากเกินความจำเป็น ซึ่งถ้าเรารู้จักการพอเพียงที่สมควรกับฐานะของตนเอง ก็จะทำให้ไม่เจ็บปวด ไม่ทรมาน ทั้งยังสามารถเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นที่เดือดร้อนได้ ซึ่งถ้าเราทำได้ทั้ง 3 อย่าง ก็จะทำให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข.

ข่าว / ภาพ ประทีป วชิระธัญญากุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดนครพนม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม