ขุมทรัพย์เหมืองแร่

ขุมทรัพย์เหมืองแร่ สัตหีบ “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก”

ตอนนี้มีเรื่องใหม่ ที่เชื่อมโยงกับเหมืองแร่ สัมปทานกองทัพเรือ ก็คือ มีกระแสการร้องเรียนมาว่าขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการ หรือบริษัทฯที่ได้ชนะการประมูลเรื่องการถมดิน ทราย หิน  ภายในสนามบินอู่ตะเภา โครงการ EEC ไม่สามารถซื้อดิน หิน ทราย ที่ถูกกฎหมาย หรือแหล่งวัตถุดิบที่ระบุไว้ใน TOR  และที่สำคัญแหล่งวัตถุดิบต้องมี EIA ได้ตามข้อกำหนด  เพราะกิจการหิน สัมปทาน กองทัพเรือ ไม่อนุญาตให้นำออกจากพื้นที่  จึงมีความจำเป็นต้องลักลอบ ซื้อแหล่งวัตถุดิบบริเวณพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง  จำนวน 3 แห่ง เข้ามาถมพื้นที่  ถ้าผู้รับเหมาไม่กระทำอย่างนี้ ก็ไม่สามารถรักษาสัญญาที่กำหนดไว้  หรือถ้าถูกปรับคงไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบ  นี่คือความเดือดร้อนที่เชื่อมโยงกัน

มีคำถามกลับมาว่า  เพราะเหตุผลใดพื้นที่เหมืองแร่ สัมปทาน  ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งเดียวในย่านนี้ที่มี “EIA” จัดทำโดย บริษัท อัครโชติภูมิ  จำกัด ที่ถูกต้องตามข้อกำหนดใน TOR   มีเหตุผลใดจึงไม่อนุญาตให้นำดินออกมา ผู้ประกอบการรับเหมาถมดิน ทราย ในสนามบินอู่ตะเภา ทุกบริษัทฯ จะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อกำหนดใน TOR  และถูกกฎหมาย แต่ ขณะนี้เหมือนถูกบังคับให้เอกชนกระทำผิดเพราะมีขีดจำกัดเรื่องเวลา  ถ้าปัญหาขึ้นมาจะส่งผลกระทบระดับประเทศ และระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เพราะสนามบินแห่งนี้จะต้องถูกตรวจสอบในเรื่อง EHIA  ซึ่งเริ่มต้นโครงการ ภาครัฐ ก็ปล่อยให้มีการกระทำความผิด ส่งผลเสียเรื่องสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชน

หลังจากที่พบว่ามีเรื่องขนดิน ทราย ผิดกฎหมาย ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดใน TOR  ได้มีผู้ประกอบการหลายราย บอกว่าเรื่องนี้ได้เคลียร์กับผู้ใหญ่ระดับ”นายพล “ ในพื้นที่หมดแล้ว ได้อนุญาตให้ดำเนินการได้  ไม่ต้องกลัวเจ้าหน้าที่บ้านเมือง  องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น  รับรองไม่มีใครกล้าขัดขวางอย่างแน่นอน  ทำให้ผู้รับเหมามั่นใจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย บรรทุกน้ำหนักเกิน  ไม่คลุมผ้าใบ  รถไม่ติดป้ายทะเบียน  อาจเป็นปัญหาใหญ่ให้กับรัฐบาล คณะกรรมการ EEC ที่ปล่อยปะละเลยให้ผู้ประกอบการทำผิดกฎหมายในโครงการนี้  ที่น่ากลัวก็คือ NGO จะเข้ามาต่อต้าน  เพราะสนามบินระดับภูมิภาค  มีประเทศที่เสียประโยชน์ ได้รับผลกระทบ กำลังติดตาม จับจ้องมองการกระทำความผิด

มีกลุ่มธุรกิจอ้างว่าเรื่องนี้มีระดับ “นายพล” อยู่เบื้องหลัง สนับสนุนให้นายทุนทำความผิด ขุดดิน ทราย นอกพื้นที่ EIA เข้าไปถมสนามบินอู่ตะเภา..จึงเป็นเหตุอันควรสงสัย ว่าทำไมไม่แนะนำให้ใช้วัตถุดิบในพื้นที่สัมปทานกองทัพเรือ  ทั้งๆที่ถูกต้องตามข้อกำหนด…  ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องปัญหาดิน หินผุ ที่อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ได้อนุมัติให้นำหน้าดินออกได้ เพื่อเป็นอุปสรรคในการระเบิดหิน  มานานประมาณ 5 เดือน  เสียค่าภาคหลวงไปแล้วกว่าแสนบาท  แล้วมีเหตุผลใด ผู้ถือประทานบัตร และดูแลกิจการหิน จึงไม่มีการอนุญาตให้นำออก  เรื่องนี้ถ้าไม่รีบดำเนินการ แก้ไขปัญหาภายในเร่งด่วน อาจจะเข้าประเด็นที่สังคมสงสัย ว่า มีคนเอื้อประโยชน์ให้เอกชนด้านนอก  แล้วสกัดกั้นกิจการภายในของกองทัพ  ไม่ให้เดินหน้าไปได้ ถ้าพบว่ามีมูลความจริง  “ผู้นำทัพ”ก็ต้องลงดาบ

เรื่องที่ต้องติดตามแบบอย่ากระพริบตา ก็คือ เรื่องความเคลื่อนไหวของ  “ขุมทรัพย์เหมืองแร่” เพราะมีเสียงกระซิบมาแล้วว่า งานนี้ไม่รอดแน่  ต้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอย่างหลีกเลี่ยงมิได้   ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้หยิบยกมาเป็นญัตติ หัวข้อการอภิปรายไปเรียบร้อยแล้ว แต่สาเหตุที่เป็นแค่เพียงประโยคบอกเล่าในสภาฯก็เพราะมี “หนูช่วยราชสีห์” ขอร้อง ไม่ให้ผู้อภิปรายนำเอกสารหลักฐาน การทุจริตออกมาแฉ  ประจานในที่แจ้ง  แต่มิได้หมายความว่า เรื่องนี้จะหายไปจากวงจรการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากองค์กรต่าง ๆ  เพียงรอวัน  เวลา  ในการปรับคณะรัฐมนตรี ให้เรียบร้อย

เรามาลงลึกเรื่องความเคลื่อนไหวในเหมืองแร่ กองทัพเรือ ที่กำลังสับสน วุ่นวายในข้อมูลข่าวสาร  ข้อเท็จจริง  ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเกิดขึ้นในปัจจุบัน  คงมีขบวนการ “คลื่นใต้น้ำ”ที่ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ หรือ “ลูกจ้าง” ที่ขันอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาที่หมักหมมกันมายาวนาน  หวัง และปรารถนาให้เหมืองแร่แห่งนี้ถูกต้อง มีมาตรฐาน เกิดความยั่งยืน  ไม่ฝ่าฝืน หรือกระทำการใด ๆ ที่ผิดต่อพระราชบัญญัติ พ.ศ.2560  และ ไม่ทำผิดกฎหมาย  ไฉน..ความดีเรื่องนี้ไม่มีใครมองเห็น และสนับสนุนให้พร้อมที่จะเดินไปด้วยกันแบบยั่งยืน  ไร้มลทิน  นำประโยชน์มาเพื่อส่วนรวม สนับสนุนกิจการพิเศษต่าง ๆ ที่กองทัพรับผิดชอบ

ระยะเวลา ที่ผ่านมาประมาณ 5 เดือน การดำเนินการเกือบทุกเรื่องของผู้ประกอบการ หรือ ลูกจ้างในการผลิตหินให้กองทัพเรือ  ถูกขัดขวาง สกัดกั้น  ไม่ได้รับการอำนวยความสะดวก ไม่ช่วยกันแก้ไขปัญหา  แต่กลับมาเร่งรัดยอดการผลิตหินให้ได้ตามสัญญา ถ้าจะหยิบยกเรื่องสัญญามาเป็นเรื่องสำคัญ  ก็คงไม่พ้นเรื่อง “เงิน” ค่าปรับ ถ้าผลิตหินไม่ได้ ก็คงส่งผลให้หนี้สินเหมือน “ดินพอกหางหมู”  สุดท้ายก็ต้องพิจารณาไม่ต่อสัญญา เพราะไร้ศักยภาพ  ก็คงเข้าทางขบวนการแสวงประโยชน์ นำพา ผู้ประกอบการรายใหม่ในเครือข่าย เข้ามาดำเนินการต่อ โดยไม่ตระหนักถึงข้อกฎหมาย ที่จะต้องมีการฟ้องร้อง ต่อสู้กันในชั้นศาล สุดท้าย ก็คง “กว้างงูไม่พ้นคอ” เข้าตำรา “ช้างตายทั้งตัว ใบบัวปิดไม่มิด”

เหตุผลเพียง “ไร้ศักยภาพ” ยังไม่เพียงพอในการพิจารณาไม่ต่อสัญญา ผู้เกี่ยวข้องเรื่องกิจการหิน สัมปทานกองทัพ ต้องหันกลับไปทบทวนรายละเอียดในสัญญากันใหม่ ว่าในสัญญาฉบับนี้ขัดต่อพระราชบัญญัติ ขัดต่อกฎหมายอุตสาหกรรม  ข้อบังคับการประกอบเหมืองแร่ และเพราะเหตุใดผู้ประกอบการถึงไม่สามารถผลิตหินได้ตามสัญญา  เรื่องนี้สำคัญที่ต้องทบทวนใหม่  ก็คือ การปรับเงินสามารถกระทำได้มากน้อยเพียงใด  ถ้า”วัตถุดิบ”ยังไม่ถูกแปรสภาพจากเดิม หรือยังไม่มีการเคลื่อนย้าย นั่นหมายถึง กระทำความผิดยังไม่สำเร็จ หรือยังไม่ปรากฏ จึงต้องยึด “เจตนา”ไม่ได้ยึดตามอำนาจ หน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใดผู้หนึ่ง ถ้าสัญญาไม่สมบูรณ์ ก็แก้ไขสัญญาก็หมดปัญหา

 “หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องลงไปตรวจสอบพื้นที่ที่มีการขุดทราย ดิน ทั้ง 3 แห่ง ในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ด้านหลังปั๊มเซลล์ เยื้องกับสถานีตำรวจภูธรบ้านฉาง และที่ว่าการอำเภอบ้านฉาง  และที่สำคัญมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพื้นที่ควบคุมทางทหาร หรือไม่ “

  โปรดติดตามประเด็น ใคร“ตั้งโต๊ะเจรจา”พื้น ที่เมืองเก่า  สรรหาหาผู้ประกอบการเข้ามาทำเหมืองแร่สัตหีบ

“มังกรบูรพา”

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม