“บิ๊กตู่”เครียดหนัก “ลั่น”จะทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ สุดชีวิตด้วยความรับผิดชอบ

“บิ๊กตู่”เครียดหนัก “ลั่น”จะทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ สุดชีวิตด้วยความรับผิดชอบ”ชี้”เด็ก ต้องแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นคนดีของชาติ วอนทุกฝ่ายสร้างความเข้าใจให้เด็กรู้ถึงบริบทของประเทศ

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่ห้อง Auditorium ชั้น 6 อาคารทรู ดิจิทัล พาร์ค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “ยกกำลังสองการศึกษาไทย สู่ความเป็นเลิศ” (Thailand Education Eco-System) และการแสดงวิสัยทัศน์การขับเคลื่อนการศึกษาไทย   โดยพล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้าเคร่งเครียดตลอดเวลา และทันทีทีเข้ามายังห้องห้อง Auditorium ซึ่งเป็นสถานที่ในการแสดงวิสัยทัศน์และไม่เห็นกลุ่มสื่อมวลชน เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างคับแคบ เจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่ให้ฟังอยู่ด้านนอกห้องประชุม พล.อ.ประยุทธ์จึงให้เจ้าหน้าที่มาเชิญสื่อมวลชนให้เข้าไปฟังในห้อง โดยกล่าวก่อนเริ่มแสดงวิสัยทัศน์ว่า “ สื่อมวลชนเข้ามาฟังเลยหรือไม่ถ้าไม่เข้ามาก็จะไม่พูดไม่ให้สัมภาษณ์เพราะเรื่องนี้เป็นความเป็นความตายของประเทศ”ทำให้ผู้เข้าร่วมฟังการแสดงวิสัยทัศน์ถึงกับงงในคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาทั้งหมดเราทำคนเดียวไม่ได้จะต้องร่วมมือกันโดยเฉพาะคนไทยทั่วประเทศที่จะต้องร่วมมือกันในการขับเคลื่อนโดยเฉพาะการเปลี่ยนหน้าประวัติศาศตร์ทางการศึกษาของประเทศไทย รัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ โดยจะต้องแก้ปัญหาอย่างบูรณาการซึ่งที่ผ่านมากระทรวงศึกษาก็ได้ทำงานมาโดยตลอด วันนี้หลายคนไม่เข้าใจว่าทำไมเราจะ ต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลายคนถามว่าจะมีไปทำไม เราต้องเตรียมการเพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การศึกษาที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญเพราะต้องทำคนให้มีความเหมาะสมกับศตวรรษที่ 21 วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดแล้วทักวิธีคิดและหลักคิดแตกต่าง หลายอย่างดีกว่ายากขึ้น ถ้าไม่ติดว่าท้องตั้งแต่วันนี้วันข้างหน้าจะหนักยิ่งกว่านี้ ตามด้วยการศึกษาที่รัฐบาลจัดให้ความสำคัญเป็นยุทธศาสตร์เรื่องแรกๆ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือการพัฒนาคนในทุกมิติทุกช่วงวัยโดยเฉพาะผู้ที่จะต้องออกมาทำงาน ทำอย่างไรจะให้คนไทยมีความพร้อม และคิดว่าวันนี้ความแข็งแรงของร่างกายเด็กๆค่อนข้างจะเข้มแข็งร้ายลงสาเหตุส่วนหนึ่งเพราะโลกเจริญขึ้น การออกกำลังกายค่อนข้างน้อย จำเป็นต้องปลูกฝังให้ร่างกายมีความแข็งแรงและเมื่อร่างกายแข็งแรงสมองก็จะแข็งแรงการพัฒนาเจริญเติบโตก็จะมีมากขึ้น

“นอกจากร่างกายจะต้องแข็งแรงแล้วจิตใจก็ต้องแข็งแรงด้วย มีจิตสาธารณะมีความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อผู้อื่น ประหยัด มัธยัสถ์ อดออม โอบอ้อมอารีมีวินัย รักษาศีลธรรม เป็นคนดีของชาติด้วยการมีหลักคิดที่ถูกต้อง มีมายเซต ใหม่ ปรับทั้งหมด และคงไม่ใช่เฉพาะเด็กๆ เท่านั้น ผู้ใหญ่เองก็ต้องปรับด้วยในการเตรียมความพร้อมในการเดินหน้าต่อไป” นายกรัฐมนตรีกล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทักษะที่เราต้องการคือการพัฒนาเด็กไปสู่กระบวนการเรียนรู้ที่คิดเป็น มีหลักการมีวิชาการเสริมอยู่ในสมอง ต้องรู้หลักปฏิบัติตั้งแต่เล็กว่ามีความลำบากแค่ไหน กว่าจะมาถึงวันนี้ เราต้องให้เด็กให้ความสนใจกับเรื่องของชุมชนสังคมให้มากขึ้น มากกว่าเรื่องที่ยังไม่ใช่เวลา หรืออนาคตของพวกเขา วันนี้สิ่งที่ต้องมองอนาคตของพวกเขาคือการเรียนหนังสือให้จบและมีงานทำ นั่นคือเป้าหมายของนักศึกษาและเด็กนักเรียนทุกคน 

“เราเป็นประเทศที่มีอัตลักษณ์ความเป็นไทยสูง วันนี้เราลืมสิ่งเหล่านี้ไปแล้วหรือยังเราต้องกลับมาทบทวนใหม่ทั้งหมด ผมถูกสอนมาแบบไหนก็สบายยุคโบราณ ยอมรับว่าแบบนี้ก็คิดมาก คิดละเอียดยุบยิบทุกวัน ไม่ได้อยู่เฉยเฉยนายกฯ ไม่ใช่เดินทางมาแค่เป็นประธานเปิดและปิดงาน ต้องรับมือได้ทุกสถานการณ์แต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นเอง เพื่อให้ประเทศชาติมีความสงบ เรียบร้อย ปลอดภัย การเป็นเด็กที่ดีจะต้องเปลี่ยนดีแต่ไม่ใช่เรียนดีอย่างเดียว ต้องมีจิตสำนึกและความรับผิดชอบ และไม่มองแต่เรื่องกันให้ค่าตอบแทนเพียงอย่างเดียว สรุปว่าต้องเปลี่ยนหลักคิดใหม่ทั้งหมด แต่ไม่ใช่จะเปลี่ยนหวือหวาอะไรที่ไม่เข้ากับบริบทของความเป็นไทยในขณะนี้ หลายหลายประเทศอิจฉาอัตลักษณ์ความเป็นไทยของเรา หลายเรื่องที่เขาอยากจะร่วมมือ หลายอย่างที่อยากมาลงทุนประเทศไทย เพราะความมีอัตลักษณ์ของไทย ความเป็นชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้อยู่กับตัวคนไทยทุกคน รอยยิ้ม อาหาร สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงาม ทุกสิ่งนี้คือประเทศไทย แต่สิ่งเหล่านี้ถูกลืมไปหรือเปล่า เป็นหน้าที่ของครูและการศึกษาต้องช่วยกันสอนและอบรม บ่มนิสัยให้เป็นคนดีและเก่ง
 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นนายกรัฐมนตรีมา 5 ปี กำลังจะเข้าสู่ปีที่ 6 รู้ดีว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากซึ่งต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง วันนี้เราต้องหาพรสวรรค์ของเด็กให้เจอ สิ่งสำคัญแบบนี้ครูจะต้องสอนทั้งในและนอกห้องเรียน วันนี้เราบังคับใครไม่ได้แต่เราสามารถทำให้เขาเข้าใจได้ว่าเมื่อเขาอยากเป็นอะไรก็ตามจะต้องทำตัวอย่างไร ไม่มีใครไปบังคับหรือช่วยได้ เพราะอนาคตเขาต้องประเชิญโลกของความเป็นจริงด้วยตัวเอง วันนี้ตนทำได้เพียงการสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ วันนี้ทุกอย่างถือเป็นงานพี่ตนต้องรับผิดชอบ  แต่มีหน้าที่ในฐานะที่เป็นรัฐบาล หน้าที่ในการรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆจากคณะรัฐมนตรี รับฟังความคิดเห็นจากบุคคลภายนอก หาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากต่างประเทศด้วย 

“วันนี้ต่างประเทศอยากมีส่วนร่วมกับเราเพราะเห็นศักยภาพที่มีอยู่ ดังนั้นเราจะต้องไม่ทำลายศักยภาพของเราเอง ไม่ทำลายประเทศด้วยสิ่งที่มีปัญหาทุกอย่างต้องค่อยๆ แก้ไขไป ตามขั้นตอนอย่าทำให้ทุกอย่างมาทำลายตรงนี้ให้เกิดความเสียหายผมต้องการเพียงเท่านั้น ยืนยันว่าผมจะทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่สุดชีวิตของผมอยู่แล้ว ในการทำงานทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบ  วันนี้ทุกคนต้องเข้าใจว่าทุกภาคส่วนมีความเกี่ยวข้อง ครู เด็ก ผู้ปกครอง  คน สิ่งแวดล้อม ชุมชน รวมไปถึงโรงเรียน รวมถึงกระบวนการประชาธิปไตยใดๆ ก็ตาม ในปัจจุบันล้วนแล้วแต่มาจากประชาธิปไตยทั้งสิ้น ดังนั้นทุกคนต้องมาช่วยกันตรงนี้ ถ้ายังขัดแย้ง ต่อต้านอะไรก็ทำไม่ได้ซักอย่าง ก็จะล้มทั้งหมด แล้วมันจะไปได้กันอย่างไร แล้วอนาคตประเทศจะมีหรือ วันนี้สถานการณ์บ้านเราไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เพราะนอกจากปัญหาโควิดแล้ว มีปัญหาเศรษฐกิจทั้งโลก สื่อบางสำนักก็กดดัน ไม่มีการเปรียบเทียบหรือขอให้ทุกคนอดทน สังคมเราจะต้องเกิดการประนีประนอม หาทางออกที่ถูกต้อง ช่องทางที่ควรจะเป็น เดินหน้าในสิ่งที่ทำได้เร็ว และร่วมมือกันเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ปล่อยให้เกิดปัญหาเดิมๆ อย่างเช่นเด็กติดอยู่ในรถ ซึ่งเป็นเรื่องการขาดความรับผิดชอบ เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงต้องช่วยกันลดอุปสรรค และหวังว่าทุกคนจะมีเวลาให้กับเด็กมากขึ้น”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม