คืบหน้าคดีน้องชมพู่

คืบหน้าคดีน้องชมพู่ หมอปลา ได้ลงพื้นที่บ้านกกกอก เพื่อเป็นกำลังใจให้ครอบครัวน้องชมพู่และลุงพล

กรณีน้องชมพู่อายุ 3 ขวบ ได้หายออกจากบ้านพักวันที่ 11 พ.ค. และได้กลายเป็นศพในป่าเขตภูผายล ในลักษณะไม่สวมเสื้อผ้า ตำรวจได้เรียกพ่อและแม่ พร้อมด้วยผู้ต้องสงสัยทั้งหมดรวม 7 คน มาสอบเพื่อเป็นพยานในสำนวนคดี ขณะเดียวกันหมอปลา ได้ลงพื้นที่บ้านกกกอก เพื่อเป็นกำลังใจให้ครอบครัวน้องชมพู่และลุงพล

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 63 ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกพ่อและแม่ พร้อมด้วยผู้ต้องสงสัยทั้งหมดรวม 7 คน มาสอบเพื่อเป็นพยานในสำนวนคดี ขณะเดียวกันหมอปลา ได้ลงพื้นที่บ้านกกกอก เพื่อเป็นกำลังใจให้ครอบครัวน้องชมพู่และครอบครัวลุงพล
นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา แม่น้องชมพู่ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มาให้ปากคำกับตำรวจ และอยากให้ข้อมูลทุกวัน อยากให้งานมันเดินเร็ว ๆ ไม่อยากให้มัวแต่ไปตามหาเรา เวลาต้องการจากเรา ต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจ เพราะตำรวจคือฮีโร่ของเราแม่ และวันนี้หมอปลามาที่บ้าน และถามว่าจะให้หมอปลาขึ้นไปข้างบนบ้านหรือไม่ บอกไปเก็บทำความสะอาด และเก็บหยากไย่ออกให้หน่อย เพราะบ้านมันรกไม่ได้ขึ้นไปตั้งแต่ชมพู่หาย และตำรวจก็ได้มาเก็บขนหมาขนหนูไปตรวจ ยากได้เราให้หมดเลย เพื่อเป็นประโยชน์กับคดี ตอนี้พอใจกับตำรวจและให้กำลังใจกับตำรวจ เขาคือผู้ที่จะช่วยให้แม่ได้พบกับคนร้าย ทางตำรวจได้เอามาสอบวันนี้ประมาณ 7 คน สำหรับแม่ก็มีเพิ่มเติมสำนวนว่า น้องชมพู่มีประกันหรือเปล่า น้องไม่มีประกันไม่ได้ทำประกัน มีแค่ฌาปนกิจหมู่บ้าน ที่เก็บหัวละ 20 บาท ทั้งเจ็ดที่เรียกมาสอบเพิ่มมี แม่ พ่อ ช่างวา ช่างโด่ง และผู้หญิงอีก 3 คน มียายรอง พี่ปุ้ย และยุ้ย

แม่น้องชมพู่ เปิดเผยอีกว่า ในส่วนคดีแม่เริ่มมองไม่ออกแล้ว แล้วแต่ทางตำรวจหาหลักฐาน ปล่อยให้ตำรวจหาหลักฐานมามัดตัวคนร้าย ความหวังของแม่อยู่ที่ตำรวจ อยากให้กำลังใจตำรวจ แม่มั่นใจในการทำงานของตำรวจ
ส่วนนางสมพร วงศ์ศรีชา (ป้าแต๋น) ป้าน้องชมพู่ กล่าวว่า มีกังวลอยู่บ้างเกี่ยวกับคดี และก็เหนื่อย ทางตำรวจจะมาอาอะไรที่บ้านก็ขอให้บอกหน่อย ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ก็ตกใจอยู่บ้าง และเข้าใจตำรวจ อยากเร่งรัดคดี แต่ว่าเพ่งมาที่ครอบครัวเรา เราบริสุทธิ์ เราไม่ได้ทำก็จ้องเอาผิดเรา ตำรวจก็ทำหน้าที่ของเขาก็ให้ดูสักกกนิดเพราะเราบริสุทธิ์ บางครั้งไปให้ปากคำ เราก็ไม่ได้ใส่กับเวลาทุกอย่างมันไม่ตรงเป้ะ ในช่วงตามหาหลานก็กังวล บางครั้งคำพูดของเราไม่ตรง เราก็ไม่ได้ตั้งใจ บางครั้งสติมันก็ไม่ได้อยู่ครบทุกอย่าง เราเหนื่อย เราเพลียเสียใจ บางครั้งอารมณ์มันก็ไม่จำ ส่วนเรื่องครอบครัวไม่ได้ทะเลาะกับแม่ชมพู่ ก็ยังรักกันเหมือนเดิม ก็มีบ้างเรื่องคุยกันไม่รู้เรื่อง ก็ได้เข้าไปคุยกันแล้วเหมือนเดิม


สำหรับนายไชย์พล วิภา ลุงน้องชมพู่ เปิดเผยว่า ได้คุยกับหมอปลา และหมอปลาได้สงสัยแบบที่เราคิดเหมือนเขาไหม แต่ความคิดคล้าย ๆ กัน หมอปลาถามสงสัยใครตนเองก็บอกว่าไม่ได้สงสัยใคร เราไม่รู้ เพราะเราไม่ใช่พ่อแม่ชมพู่ แต่เรื่องอื่นก็คิดคล้าย ๆกัน ถ้าเรื่องสงสัยใครนั้น พ่อแม่น้องตอบดีที่สุด ประเด็นที่เพ็งเล็งมาหาเรา เห็นแต่เจ้าหน้าที่มาอยากได้อะไรก็ให้เขาไป ลึก ๆ ในใจเขาอาจจะมีบ้าง ไม่มีใครหรอกไม่รู้ว่าครอบครัวตนเองไปมีอะไร มันก็ต้องรู้เหมือนครอบครัวผม อยู่แบบสบาย ไม่ต้องไปทะเลาะกับใคร แต่ประเด็นที่ทะเลาะกับคนอื่นที่ผ่านมา แต่มันมีอยู่ที่ว่าไปแจ้งความเขา ฐานพยายามฆ่าผม ถ้าเกิดครอบครัวผมเป็นอะไรไป มันก็มุ่งไปคนนั้น เพราะผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร กรณีผมถ้าไปแจ้งความกับใคร ผมจะจดไว้ ถ้าถูกทำร้าย ผมไม่สงสัยคนอื่น สงสัยคนที่ผมแจ้งความไว้ ญาติพี่น้องไม่สงสัยเลย และไม่ค่อยได้เข้าไปคุยกับแม่น้อง และเรื่องข้อมูลต่าง ๆ ก็ให้พ่อแม่เขาไปคุยกับเจ้าหน้าที่เอง เราตอบแทนเขาไม่ได้ ถ้าตอบแทนเขาก็เป็นการปรักปรำเขา


ผู้สื่อข่าวได้ถามลุงพลว่า ลุงพลเป็นตัวหรอกไหม ลุงพลตอบว่าเราก็ไม่รู้เป็นการทำงานของตำรวจผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หรือว่าเราเป็นตัวจริง ลุงพลตอบ เราจะทำไปทำไมหลานเรา เราก็พามาเล่นที่บ้านตลอด มีช่วงโควิดไม่ได้รับเขามาเล่นด้วย เมื่อเดือนมีนาคม ชมพู่อยากไปเที่ยวเราก็พาไปตลอด เที่ยวเขาอยากไปไหนเราก็พาไป และวันนั้นตำรวจเขามาเก็บหลักฐานไป ผมก็ตกใจอยู่ ๆ ก็มาโดยไม่มีหมายค้น ไม่ได้รับอนุญาตมาแบบจู่โจม ผกก. บอกว่า มีเรื่องอยากจะถามลุงนิดหนึ่ง พอมาถึงบ้านก็ปุ้บปับ วางตังไม่ทัน
ส่วนที่มีคนพุ่มเป้ามาที่ลุงตอนนี้ ก็ไม่เครียดมาก ทุกอย่างมันไม่เข้ามาถึงเราแล้วตอนนี้ ผ่อนคลายขึ้นเยอะ หลังจากไปหาแม่ที่สกลนครแล้วมีกำลังใจขึ้น ไปคุยกับแม่ แม่ก็ให้พรมาและให้พูดน้อยลงหน่อย ส่วนเรื่องไปดูหมอธรรม มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลของเรา เราไม่อยากไปกระทบกระทั่งกับพ่อแม่น้อง เป็นความเชื่อเพื่อความสบายใจ


อนุศักดิ์ – เสาวภา แสนวิเศษ // มุกดาหาร

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม