สิ้นบุญเกจิดังเมืองสุพรรณฯ "หลวงปู่นาม" สิริอายุ 98 ปี พรรษา 69 ศิษยานุศิษย์แห่อาลัย

สิ้นบุญเกจิดังเมืองสุพรรณฯ “หลวงปู่นาม” สิริอายุ 98 ปี พรรษา 69 ศิษยานุศิษย์แห่อาลัย

สิ้นบุญเกจิดังเมืองสุพรรณฯ “หลวงปู่นาม” สิริอายุ 98 ปี พรรษา 69 ศิษยานุศิษย์แห่อาลัย

วันที่ 12 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ  05.20 น.  วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พระครูสุวรรณศาสนคุณ (หลวงปู่นาม สาสนฺปฺโชโต)  วัดน้อยชมภู่  อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ได้ละสังขารในวัย 98 พรรษา 11 เดือน 23 วัน  ที่โรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต  สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้แก่บรรดาลูกศิษย์  ที่เคารพศรัทธาเป็นอย่างสูง

สำหรับประวัติพระครูสุวรรณศาสนคุณ หรือ หลวงปู่นาม  ท่านถือกำเนิด  ที่บ้านเลขที่ 108 หมู่ที่ 1 บ้านทำเน  ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ ในวันที่ 18 กรกฏาคม 2464  ในตระกูล “มณีวงษ์” มีนามเดิมว่า “นาม  มณีวงษ์”  เป็นบุตรของคุณพ่อ สา และ คุณแม่ บัว มณีวงษ์  มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ด้วยกัน 7 คน โดยหลวงปู่นาม เป็นบุตร คนที่ 4  ในวัยเด็ก ท่านก็ใช้ชีวิตตามประสาเด็กเมื่ออายุครบเกณฑ์เข้าเรียนหนังสือ ท่านได้เข้าเรียนหนังสือในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดศรีจันต์ จนจบการศึกยาระดับประถมศึกษาปีที่ 4  ท่านชอบการศึกษา ชอบเรียนหนังสือมาก ต่อมาบิดาของท่านเสียชีวิตลง จึงต้องมาช่วยมารดาประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำให้ไม่มีโอกาส ได้ศึกษาในระดับต่อไป

กระทั่งเมื่อครบอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงได้กราบลาเพื่ออุปสมบท เป็นพระภิกษุ ในปีพุทธศักราช 2484 และได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เหมือน  อดีตเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู  ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนปริยัติธรรม ธรรมปฏิบัติ วัตรปฏิบัติ หลวงปู่นามได้ ปฏิบัติกิจของสงฆ์อย่างเคร่งครัด จนกระทั่งได้ฝึกท่องบทสวดปาฏิโมกข์ได้ด้วยความใฝ่รู้ใฝ่เรียนของตนตั้งแต่เยาว์วัย

ต่อมาหลังจากหลวงปู่นาม ครองเพศบรรพชิต  ได้ 8 พรรษาได้ลาสิกขา เพื่อมาประกอบอาชีพ และดูแลโยมแม่  ได้ 1 ปี    วัดน้อยชมภู่  ได้กลายเป็นวัดร้าง  ไร้พระจำพรรษา  ญาติโยมจึงขอร้องให้หล่วงปู่นาม  กลับเข้าสู่รีมกาสาวพักต์อีกครั้ง  ในวัย 29 ปี  โดยมีพระครูเมธีธรรมสาร(ไสว)  เจ้าคณะอำภอศรีประจันต์ เป็นพระอุปัชฌาจารย์   พระครูอาภัสรคุณ(ปลัดทวี) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาสวง เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ภายหลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ และรักษาการเจ้าอาวาส ในขณะนั้น  พร้อมกับได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบได้นักธรรมเอกและฝากตัวเป็นศิษย์รับใช้ร่ำเรียนวิทยาคมกับหลวงพ่อไสว ควบคู่ไปกับการเล่าเรียนศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ทั้งในด้นการเจริญสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน  และการอธิษฐานจิตปลุกเสกวัตถุมงคล นอกจากนี้ หลวงปู่นาม ยังได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดระฆัง  หลายหนเพื่อไปศึกษาวิชา

ต่อมาเมื่อช่วง 2 – 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา หลวงปู่นาม ได้ล้มป่วย  ด้วยอาการเหนื่อยหอบ  ทางศิษยานุศิษย์จึงนำหลวงปู่นาม  เข้าตรวจเช็คที่ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต  กระทั่งพบอาการหัวใจเต้นผิดปกติ  ทางคณะแพทย์จึงถวายการรักษาตลอดมา  กระทั่งสุดจะยื้อ ด้วยอาการต่างๆ  ทั้งหัวใจเต้นผิดจังหวะ  ,  ติดเชื้อในกระแสเลือด , ถุงลมโป่งพอง และ ไตวายเรื้อรัง  กระทั่งท่านได้ละสังขาร เมื่อเวลา 05.20 สิริรวมอายุ 98 ปี 11 เดือน 23 วัน  โดยถือครองพรรษาที่ 69 พรรษา โดยตลอดระยะเวลา หลวงปู่นาม ได้สร้าง และ พัฒนาวัดน้อยชมภู่ จนมีความเจริญรุ่งเรือง  เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหา  ตลอดจนวัตถุมงคล ของหลวงปู่นาม  เป็นที่สนใจของบรรดาเซียนพระ เนื่องจากวัตถุมงคลของหลวงปู่นาม มีประสบการณ์ทั้งทางด้านเมตตามหานิยม  และ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย  จนทำให้วัตถุมงคลหลวงพ่อเป็นที่ต้องการของบรรดาเซียนพระ  หลังทราบข่าวการมรณะภาพ  ประชาชนต่างเดินทางมาบูชาวัตถุมงคลกันอย่างล้นหลาม  โดยบรรดาชาวบ้าน และลูกศิษย์  ต่างจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับสรีรสังขาร  โดยมีโลงแห้วที่ หลวงปู่นาม ได้สั่งช่างทำเอาไว้ก่อนจะละสังขาร เพื่อเตรียมบรรจุร่างท่าน  โดยชาวบ้านต่างเล็งเลข ที่เกี่ยวของกับหลวงปู่นาม อาทิ 98,99 เลขที่วัด 21 เวลาละสังขาร 05.20 และเลข 7786  ทะเบียนรถตู้ที่นำสรีระหลวงปู่นาม มาวัด บรรดาชาวบ้านต่างนำไปซื้อสลากกินแบ่งทันที ส่วนกำหนดพิธีการบำเพ็ญกุศล  ทางคณะสงฆ์และพระสังฆาธิการ ญาติ และ กรรมการวัด ได้ปรึกษากัน   โดยจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ  ในวันที่ 12 ก.ค.63 เวลา 13.00 น.  และจะสวดที่ศาลา เป็นเวลา 3 คืน จากนั้นจะนำสรีระขึ้สู่มณฑป เพื่อบำเพ็ญกุศลต่อ  ซึ่งมติที่ประชุมของดพวงหรีด  หากใครประสงค์จะร่วมบุญ  ให้ทำบุญสมทบทุนมูลนิธิพระครูสุวรรณศาสนคุณ  ซึ่งมีตู้ร่วมบุญ ทางเข้าศาลากราบสรีระสังขารหลวงปู่ ตามที่หลวงปู่นาม เคยสั่งการไว้ก่อนละสังขาร

วัฒนพล มัจฉา ผู้สื่อข่าว จ. สุพรรณบุรี

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม