กล้องวงจรปิดจับภาพวัยรุ่น ใช้ก้อนหินขว้างหลังคาร้านขายโทรศัพท์มือถือ เจ้าของบ้านเกรงไม่ปลอดภัย พบเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้สืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี
วันที่ 31 ก.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ “ษา เมืองทอง สาขา สอง” ได้โพสต์ภาพจากกล้องวงจรปิด พร้อมข้อความ ลงในกลุ่ม “วิเชียรบุรี บ้านเฮา” ว่า มีใครพอจะทราบมั้ยค่ะว่ารถเวฟสีเขียว (ขอบล้อสีทอง)ที่วิ่งออกจาก ใน ซอย(ตลาดสดข้างวัดในเรืองศรี) ว่าบ้านอยู่ที่ไหนค่ะ อยู่ดีๆๆๆก็มาหว่านหินใส่หลังคาที่ร้านเรา ใครมีเบาะแส เเจ้งเรามาหน่อยนะค่ะ มีสินน้ำใจเล็กๆๆน้อยๆๆมอบให้ค่ะ? ถ้าคุณมาขอโทษเรื่องจบ?ถ้าไม่มาเรื่องยาวนะ
โดยในคลิปวีดีโอดังกล่าว ปรากฏภาพชายวัยรุ่นจำนวน 1 คน รูปร่างผอมสูง ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงยีนส์ ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 สีเขียว แต่งล้อเป็นขอบสีทอง ขับออกไปจากจุดเกิดเหตุและหลังจากคลิปวีดีโอและข้อความดังกล่าว ถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้มาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ กดไลค์กดแชร์ กันเป็นจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 170/2 หมู่ 1 ตลาดสดมิตรสาลี ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี ซึ่งเปิดเป็นร้านจำหน่ายและรับซ่อมโทรศัพท์มือถือ ชื่อร้านเมืองทอง สาขา สอง และเป็นเจ้าของเฟสบุ๊คดังกล่าว
พบนางสาวอุษา จงเรียน อายุ 37 ปี เจ้าของร้าน ได้เล่าว่า หลังจากปิดร้านตนกำลังจะอาบน้ำ ส่วนพี่สาวกำลังล้างจานอยู่หลังบ้าน รู้สึกตกใจเพราะได้ยินเสียงเหมือนมีคนเอาก้อนหินขว้างบนหลังคา ก็พากันเปิดประตูรั้วหลังบ้านออกมาดู เห็นมีจักรยานยนต์วิ่งออกไปแต่ไม่ชัดเจน จึงได้มาเปิดกล้องวงจรปิดที่อยู่หน้าร้าน เห็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 แต่งล้อขอบสีทอง ตัวรถสีเขียว ท่อรถดังมาก ขับผ่านหน้าร้านออกไป ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลา 20.27 น.(30 ก.ค.63) มีน้องๆที่ขายของตอนกลางคืนที่ขายอยู่ที่ฟุตบาตหน้าร้าน เห็นวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนตร์คันดังกล่าว ขับข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเลี้ยวกลับมาแล้ววิ่งผ่านหน้าร้านไป
ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้มาขว้างหลังคาบ้านเรา เพราะไม่เคยมีเรื่องหรือปัญหากับใคร แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจ จึงได้ไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.วิเชียรบุรี ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตรวจสอบกล้อง เพื่อหาตัววัยรุ่นคนดังกล่าวมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุ ตนจึงอยากจะฝากบอกคนที่มาขว้างหลังคาบ้านว่า ถ้ามีอะไรไม่พอใจทางร้านหรือเข้าใจผิดอะไร ก็อยากให้มาคุยกันปรับความเข้าใจกัน หรือถ้ารู้ตัวว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันผิด จะมาขอโทษตนก็ยินดี และไม่ติดใจเอาเรื่อง เพราะคนทำมาหากินไม่อยากมีปัญหากับใคร
บุรฉัตร ศิริวัฒนาเกษม ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จังหวัดเพชรบูรณ์
