โป่งน้ำร้อน ...ร้อนระอุ...

โป่งน้ำร้อน …ร้อนระอุ… เทพนิมิต ไม่เนรมิตดังชื่อ ใครปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต้องรับโทษ

โป่งน้ำร้อน …ร้อนระอุ… เทพนิมิต ไม่เนรมิตดังชื่อ ใครปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต้องรับโทษ

 หลังจากที่สื่อมวลได้ลงพื้นที่เจาะข้อมูลเชิงลึก  เพื่อตีแผ่ ขบวนการค้าบุหรี่ สุราเถื่อน และขบวนการค้ามนุษย์ ในเขต ตำบลเทพนิมิต อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี อย่างต่อเนื่อง  ได้มีแหล่งข่าวตั้งแต่ประชาชน ถึงผู้ใหญ่ชั้นสูง  ได้ออกมาให้ข้อคิด ความคิดเห็น พร้อมทั้งไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ คนในเครื่องแบบ(บางคน)  เจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย  เพราะขบวนการเหล่านี้ เป็น อาชญากรทางเศรษฐกิจของแผ่นดิน  เป็น “เหลือบสังคม” ถ้าเป็นข้าราชการประพฤติมิชอบ ประพฤติชั่ว  ฉกฉวยโอกาส หาช่องโหว่ของกฎหมาย เพื่อหาเงินด้วยการรีดไถ ข่มขู่ เพื่อได้มาของเงิน  ผิดศีลธรรม ขาดจรรยาบรรณ  ก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์   ผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดต้อง สืบสวน สอบสวน หาความจริง ลงโทษสถานหนัก ถึงปลดออกจากราชการ

             ความขัดแย้งในระบบ  ระเบียบ ข้อบังคับ  ข้อตกลง สุดท้ายก็ต้องยึดกฎหมาย ที่ผ่านมาการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายทหารที่ยังมีช่องโหว่ อีกมากมาย  พบหลักฐานประจักษ์ชัดเจน อันจะส่งผลสู่การใช้  มาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือทุจริตต่อหน้าที่  ซึ่งก่อให้เกิดความเสื่อมเสียภาพลักษณ์ของทางราชการ ทุกฝ่ายจะต้องหาข้อยุติอย่างเร่งด่วน  เพื่อยึดหลักกฎหมาย  เรื่องนี้คงต้องขอความกรุณาจากท่าน  พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์  ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พลตำรวจโท มนตรี ยิ้มแย้ม  ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2  ,พลตำรวจตรี เสถียร บุญค้ำ  ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดจันทบุรี  สืบสวน สอบสวนหาข้อเท็จจริง  โดยเฉพาะ พ.ต.อ.สุรเดช วุฒิสาโรจน์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจบ้านแปลง อ.โป่งน้ำร้อน คงต้องหาหลักฐาน พร้อมข้อเท็จจริง เพื่อคลี่คลายความสงสัยของประชาชน

 คงต้องยกเรื่อง กรณี ชุดข่าว และลาดตระเวนทหารพราน ร้อย 524 ชค.2 ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน ไล่ติดตามจับกุม ส.ต.ต.พงศ์พันธ์ อินทร์คงรอด  ผบ.หมู่ งานศูนย์ควบคุมจราจร วิภาวดีรังสิน/ทางพิเศษ กก.2 บก.จร.พร้อมแรงงานจากประเทศกัมพูชา อีก 8 คน เมื่อเวลา 02.00 น.ของวันที่ 11 สิงหาคม 2563 พอถึงเวลา 03.00 น. เรือเอก ศุภชัย ภักดิ์ขัน ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 524 ได้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภรรยา ออกไปนอนในโรงแรม จนถึง 09.00 น.ให้เดินทางกลับมาเพื่อถ่ายภาพเป็นหลักฐาน เพื่อรายงานผลงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วมอบให้ ด.ต.จันดี อินเต็ม ผู้ช่วยร้อยเวร 20 สภ.บ้านแปลง  เมื่อตรวจสอบพบว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้รับคดี ไม่มีบันทึกจับกุม ไม่ได้ลงบันทึกประจำวัน แต่อย่างใด

 นี่เป็นเพียงเรื่องเดียวที่ถูกเปิดเผย ต่อสาธารณชน ทำให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ(ที่ไม่มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วย) ประชาชนต้องการรู้ว่า มีการ ฉ้อฉล กลโกง ที่แอบแฝงในการปฏิบัติหน้าที่ทั้งสองฝ่าย หรือเปล่า  และต้องการให้ตรวจสอบย้อนหลัง ในกรณีที่ทหารจับผู้ต้องหา แรงงานด่างด้าวทั้งหมด (ไม่มีบันทึกจับกุม)ว่าดำเนินการกันอย่างไร โดยนำหลักฐานทางทหาร ที่ถ่ายภาพ รายงานผลงานการจับกุม มายันกับหลักฐานของ สภ.บ้านแปลง ว่าเมื่อตำรวจรับผู้ต้องหาไปแล้ว มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง  ก็จะรู้ว่าใครผิด ใครถูก ใครปล่อยปะละเลย หรือรู้เห็นเป็นใจในกระบวนการเหล่านี้  ที่ผ่านมา แรงงานต่างด้าว ที่ถูกจับกุม มักถูกจับซ้ำหน้ากันบ่อย ๆ ถ้าขืนปล่อยเรื่องนี้ทิ้งไว้นาน ๆ จะเกิดผลเสียต่อความศรัทธา และความมั่นคงของประเทศอย่างแน่นอน

 เรื่องทหารจับตำรวจ แล้ว ตำรวจปล่อย อาจจะมีปัญหายืดยาวที่แก้ไม่ตก กระแสออกมาแล้วว่า “ตำรวจถูกทหารกลั่นแกล้ง” กักขัง หน่วงเหนี่ยว  คนงานมีเอกสารพาสปอร์ต ทุกคน เมื่อตำรวจเห็นเอกสารก็เลยปล่อยตัวไป จะเอาความผิดกับใครได้ ในเมื่อไม่ได้บันทึกการจับกุม พฤติกรรมขณะจับกุม ไม่ได้ให้เซนรับทราบข้อกล่าวหาแม้แต่ข้อเดียว เช่น ขับรถป้ายแดงออกนอกเขตจังหวัดโดยมิได้รับอนุญาต ขับรถเร็วก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ที่สำคัญก็คือ มาตรการโควิด 19  ชาวต่างประเทศที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ต้องปฏิบัติกักตัวก่อน 14 วัน ตามกฎ ของกระทรวงสาธารณสุข กระบวนการความผิดเหล่านี้ข้าราชการต้องมีความรอบรู้ สามารถชี้แจงได้  แต่ถ้าขาดความรอบรู้ ไม่เท่าทันสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป  อาจส่งผลถึงการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส 19 รอบ 2 ดังที่รัฐบาลหวั่น

 “คงเป็นบทเรียนราคาแพงของ ทหารและตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องรัดกุม รอบครอบ และบริสุทธิ์ ยุติธรรม”

    “มังกร บูรพา “

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม