ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณด่านชายแดน จุดผ่อนปรนทางการค้า บ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการระงับใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)

ผวจ.กาญจน์ ลงพื้นที่ชายแดนด่านเจดีย์สามองค์ ติดตามสถานการณ์โควิด-19

ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณด่านชายแดน จุดผ่อนปรนทางการค้า บ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี พร้อมทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการระงับใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)

วันนี้ (24 ก.ย. 63) เวลา 10.30 น. นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย พลตำรวจตรี วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พันเอก สิทธิพร จุลปานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้ากองกำลังสุรสีห์ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณด่านชายแดน จุดผ่อนปรนทางการค้า บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี เพื่อพบปะทำความเข้าใจกับเหล่าพ่อค้าแม่ค้ารวมทั้งประชาชนในพื้นที่ ตามที่จังหวัดกาญจนบุรีได้มีประกาศคำสั่ง ที่ 3719/2563 เรื่อง การระงับใช้ช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ณ จุดผ่อนปรนทางการค้าด่านพระเจดีย์สามองค์ (จุดผ่านแดนชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว) ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 14 วัน เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19)

นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับนายอูโซโม นายอำเภอพญาตองซู รวมทั้ง พันตรี อ่องเยชัน รักษาการผู้บัญชาการกองพันทหารราบที่ 32 และเจ้าหน้าที่ฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา และได้แจ้งให้นายอำเภอพญาตองซู ทราบว่า ฝั่งไทยเองก็เฝ้าระวังเป็นเวลา 14 วันเหมือนกันกับฝั่งอำเภอพญาตองซู ซึ่งหากผู้ถูกกักตัวชาวเมียนมาครบ 14 วันผลออกมาเป็นลบ ทางไทยก็จะกลับมาใช้มาตรการผ่อนคลายเช่นเดิม

ทั้งนี้ ตามประกาศคำสั่งดังกล่าว ขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้โดยไม่มีเหตุอันสมควรจะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน 2563 จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2563 สั่ง ณ วันที่ 22 กันยายน พ.ศ.2563

ธวัชชัย สุขุม / กีรติ ก้อนทองคำ ผู้สื่อข่าว จ.กาญจนบุรี

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม