บวงสรวงยิ่งใหญ่..งานแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทาน จ.บุรีรัมย์ ประจำปี 2563
ชาว อ.สตึก บุรีรัมย์ แห่ร่วมพิธีบวงสรวงยิ่งใหญ่ พร้อมจัดงานประเพณีแข่งเรือยาวชิงถ้วยพระราชทานฯ ชิงจ้าวยุทธจักรแห่งลำน้ำมูล 7-8 พ.ย.นี้ เผยไฮไลท์ของงาน จัดแข่งเรือหาปลา เรือประมงพื้นบ้าน ปล่อยทีเดียวกว่าร้อยลำ สานต่อวิถีชีวิตชุมชนชาวประมง
วันที่ 6 พ.ย.63 ที่บริเวณลานสวนเฉลิมพระเกียรติ ริมแม่น้ำมูล อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ นายรังสิกร ทิมาตฤกะ ประธานอำนวยการจัดการจัดแข่งเรือยาวประเพณี พร้อมนางวิมลนันท์ ทิมาตฤกะ นายกเทศมนตรีตำบลสตึก นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ รองผู้ว่าจังหวัดบุรีรัมย์ และ นางธัญลักษณ์ หัตถาธยากูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้ร่วมกันทำพิธีบวงสรวง เซ่นไหว้ปู่มุจรินทร์นาคราช ในลำแม่น้ำมูลเพื่อเตรียมจัดงานแข่งเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทาน ในวันที่ 7-8 พ.ย.นี้ ในพิธีมีเรือยาวที่จะมาแข่งขันกว่า 100 ลำ มาจอดเทียบเข้าร่วมพิธีกลางลำแม่น้ำมูล กันอย่างคึกคัก
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข มีการแสดงกันตรึมถวายตามความเชื่อ มีชาวอำเภอสตึก และใกล้เคียงกว่า 2,000 คน มาร่วมชมการพิธีกันเนื่องแน่น ซึ่งทีมเรือแข่งแต่ละลำได้นำของเซ่นไหว้มาตั้งริมฝั่งแม่น้ำมูล มีเสียงโห่ร้องของฝีพายและกองเชียร์เป็นระยะระหว่างที่หมอพราหมณ์กล่าวถึงชื่อเรือแต่ละลำ
นายรังสิกร ทิมาตฤกะ (ทิ-มา-ตะ-รึ-กะ) ประธานอำนวยการจัดงาน กล่าวว่า การแข่งขันเรือยาวประเพณีชิงถ้วยพระราชทานฯ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประเพณีดั้งเดิมของชาวบ้านในแถบบริเวณแม่น้ำมูล อำเภอสตึก ซึ่งบรรพบุรุษได้มีจัดการแข่งกันมายาวนาน
การแข่งขันเรือยาวของอำเภอสตึก ในปีนี้ถือว่า คึกคักแน่นอน ซึ่งได้ความความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งจะเห็นได้จาก ช่วงเทศกาลลอยกระทงที่ผ่านมา ยังไม่ทันถึงงานแข่งเรือ มีชาวบ้านร่วมงานลอยกระทง กว่าแสนคน เงินสะพัดเข้าหลายล้านบาท ในการจับจ่ายใช้สอย ร้านค้าทุกร้านขายดีหมด นี่คือนิมิตรหมายเริ่มตนเศรษฐ์กิจทางประเพณี โดยในวันนี้สิ่งที่ชาวบุรีรัมย์ปฏิบัติมาตลอดก่อนการแข่งเรือ คือการบวงสรวงเหล่าทวยเทพเทวดาทุกพระองค์ ซึ่งชาวเรือยึดหลักการเริ่มต้นวิถีชีวิตจากริมแม่น้ำมูล ดังนั้นปีนี้จึงพิเศษกว่าปีอื่นและสนามอื่น คือจัดการปล่อยแข่งเรือ หาปลา เรือประมงพื้นบ้าน ของปู่ย่าตายาย กว่าร้อยลำ เป็นรอบปฐมทัศน์ ถือเป็นไฮไลท์ของงานในครั้งนี้ พร้อมมีรางวัลมากมาย
ท่านประธานผู้จัดงานกว่าอีกว่า ปีนี้เน้นสนามแข่งเรือภาคอีสานเป็นหลัก เนื่องจาก สนามแข่งเรือหลายจังหวัดของประเทศไทย อาจจะไม่มีความพร้อมเนื่องจากเรื่องเศรษฐกิจ และ ปัญหาจากโรคระบาดโควิด แต่สนามจังหวัดบุรีรัมย์นั้น ทุกครั้งที่มีวิกฤต แต่เราจะสร้าง เราจะทำเพราะเราเหลือหัวใจที่มีความรัก หัวใจที่มีความสามัคคี ที่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆแห่งนี้ พร้อมเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีโอกาศเข้ามาเที่ยวงานที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ต่อไป.
ภาพ-ข่าว วาทิตย์ แสนธุปี ผู้สื่อข่าวประจำ จ.บุรีรัมย์
