จยย.เลี้ยวไม่ทันระวัง เจอกระบะชนกลางสี่แยก สาหัส 2 ราย

จยย.เลี้ยวไม่ทันระวัง เจอกระบะชนกลางสี่แยก สาหัส 2 ราย

จยย.เลี้ยวไม่ทันระวัง เจอกระบะชนกลางสี่แยก สาหัส 2 ราย

เมื่อเวลา 08.15 น. วันนี้ ( 19 พ.ย. 2563) ร.ต.อ.ประสิทธิ์ สมศรี รอง สว. (สอบสวน) สภ.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์  ได้รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณสี่แยก บ้านน้ำเขียว ม. 12 ต.น้ำเขียว อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์  มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส  จึงได้ประสานหน่วยกู้ภัยฮุก 31 จุด อ.รัตนบุรี รีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ  เพื่อทำการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ

เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ  ซึ่งเป็นบริเวณสี่แยกที่ออกมาจากวัดอุทุมพร ภายในหมู่บ้าน บ้านน้ำเขียว ที่จะตัดข้ามไปยัง ต.โพนโก อ.สนม ซึ่งตัดข้ามถนนสาย อ.รัตนบุรี –  อ.ท่าตูม  พบรถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า สี่ประตู สีบลอนด์  หมายเลขทะเบียน 3 กฒ 6248 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ข้างทางโดยหันหน้าไปทาง อ.รัตนบุรี  ในลักษณะด้านหน้ารถพังยับ ซึ่งมีนายอิทธิพัทธ์ บุญปก อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.12 ต.ยาง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ เป็นคนขับยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่  และห่างออกไปประมาณ 6 เมตร พบรถจักรยานยนต์สีดำ ยี่ห้อฮอนด้า หมายเลขทะเบียน 1 กญ 6307 สุรินทร์ ซึ่งตกลงไปข้างทางล้มตะแคงอยู่ริมถนน ใกล้ๆกันมีผู้บาดเจ็บนอนอยู่ 1 รายมีบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง เป็นชายยังมีสติ  และห่างออกไปอีกประมาณ 4 เมตร  พบร่างผู้บาดเจ็บอีกรายเป็นหญิงสูงวัย  ลักษณะนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดอยู่ข้างถนนหน้ารถยนต์คันที่ก่อเหตุ  พร้อมกับเศษกระจกและเศษอุปกรณ์รถแตกกระจัดกระจายเต็มไปหมด และห่างออกไปอีกประมาณ 10 เมตร พบหญิงอีกรายได้รับบาดเจ็บที่ขามีเลือดออกยังมีสติดีและที่นั่งมาด้วยอีก 2 รายมีเด็ก 1 คนไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด  โดยมีรถจักรยายนยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า สีฟ้าขาว หมายเลยทะเบียน 1 กข 2741 สุรินทร์  ล้มอยู่ข้างๆ  โดยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้เข้าทำการช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลรัตนบุรี  เพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป  โดยรายที่เป็นหญิงสูงวัย  มีอาการหนักสุด  เนื่องจากมีเลือดออกบริเวณศีรษะเป็นจำนวนมาก  และไม่มีอาการตอบสนองใด ๆ  โดยทราบชื่อต่อมาคือ นางอำไพ ศรีษะเทือน อายุ 52 ปี เป็นชาวบ้านน้ำเขียว และผู้บาดเจ็บอีกรายซึ่งเป็นบุตรชายของนางอำไพ คือนายธีรพงศ์ ศรีษะเทือน ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายที่ถูกรถจักรยายยนต์กระเด็นไปชนก็คือนางบัวพา พุทธตาล เป็นชาวบ้านตำบลโพนโก อ.สนม

จากการสอบถามนายอิทธิพัทธ์ บุญปก คนขับรถคันที่เกิดเหตุ  ได้บอกว่า  ก่อนเกิดเหตุตนกำลังจะขับรถกลับบ้านที่ อ.ศีขรภูมิ  โดยมาจากบ้านแฟนที่ จ.ร้อยเอ็ด ในรถมาด้วยกัน 3 คน พ่อแม่ลูก เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ  ซี่งเป็นบริเวณสี่แยกบ้านน้ำเขียว   โดยตนใช้ความเร็วประมาณ 80 กม. จู่ ๆก็ได้มีรถจักรยานยนต์ 2 คันได้วิ่งตัดหน้ารถของตนอย่างกระทันหัน  ตนได้พยายามเหยียบเบรกแต่ก็ไม่ทัน  จึงได้ชนเข้าอย่างจังถูกรถจักรยานยนต์ 1 คัน โดยรถจักรยานยนต์ที่ถูกชนได้กระเด็นไปถูกรถจักรยานยนต์อีกคันจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ด้านนางบัวพา พุทธตาล ชาวบ้านตำบลโพนโก อ.สนม ซึ่งขับรถจักรยานยนต์ตามกันมา ก็ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์มาจากทางบ้านโพนโก อ.สนม  มาถึงบริเวณสี่แยกดังกล่าว  ก็ได้เลี้ยวรถจะไปทางบ้านน้ำเขียว  โดยมีรถจักรยานยนต์ของนางอำไพที่ถูกชน  ขับมาตามหลัง  ซึ่งรถของตนได้ขับพ้นไปแล้ว  แต่รถของนางอำไพได้ถูกรถยนต์คันดังกล่าวชนเข้าอย่างจังเสียงดังสนัน  และรถจักรยานยนต์คันที่ถูกชน  ก็ได้กระเด็นมาชนกับรถของตนอย่างแรง  จนตนและลูกสาวหลานสาวที่นั่งมาด้วย  กระเด็นไปคนละทิศละทาง  ซึ่งตนได้รับบาดเจ็บเป็นแผลที่ขา  แต่ลูกกับหลานของตนไม่ได้เป็นอะไร  ซึ่งรถยนต์คันที่ก่อเหตุนั้นวิ่งมาด้วยความเร็วสูงจึงเบรกไม่ทัน  จึงได้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว  ซึ่งบริเวณสี่แยกนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะรถวิ่งด้วยความเร็ว  ไม่ระวังสี่แยก  ซึ่งครั้งนี้นับว่าร้ายแรงที่สุด

ด้าน นายบุญถึง ศรีษะเทือน อายุ 61 ปี  ซึ่งเป็นสามีของนางอำไพผู้บาดเจ็บ  ก็ได้กล่าวว่า  ก่อนเกิดเหตุ  ตนกับนางอำไพภรรยาและนายธีรพงศ์บุตรชาย  ได้พากันไปดูวัวที่คอกทางไปบ้านโพนโก  ซึ่งทำกับเป็นประจำทุกวันในตอนเช้า  แต่ตนกลับมาบ้านก่อนเพื่อมาดูข้าวที่หุงไว้   โดนนางอำไพกับลูกชายพากันกลับทีหลัง  จนกระทั่งมาทราบว่าเกิดอุบัติเหตุกับลูกเมีย  ซึ่งบริเวณสี่แยกนี้ตนไปมาทุกวันก็ไม่เคยเห็นเกิดอุบัติเหตุรุนแรงขนาดนี้มาก่อน  ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด  เพราะสี่แยกนี้ชาวบ้านค่อนข้างที่จะใช้กันข้ามทางกันเป็นจำนวนมาก  จึงอยากจะฝากไปถึงผู้ใช้รถทุกคนได้โปรดขับด้วยความระมัดระวังให้มากด้วย  อย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้อีกเลย

ซึ่งหลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุและได้ทำการเคลื่อนย้ายรถออกจากบริเวณเพื่อเปิดการจราจรแล้ว  เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นำตัวคนขับคันที่ก่อเหตุ  ไปสอบปากคำเพิ่มเติมถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้อีกครั้ง  ก่อนที่จะดำเนินตามกฎหมายต่อไป.

ภาพ/ข่าว ชูชัย  ดำรงสันติสุข ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.สุรินทร์

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม