กลุ่มลำพูนปลดแอก นำเป็ดเหลืองเข้าชุมนุม ก่อนแจ้งความตามกฎหมายอาญา ม.157 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่บริเวณรัฐสภา กทม.
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 63 ณ ลานกิจกรรมหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เชิงสะพานท่าขาม ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน ประชาชนในนามกลุ่ม “ลำพูนปลดแอก” จัดกิจกรรมชุมนุมทางการเมือง โดยการแสดงเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชูนิ้วมือสามนิ้ว ติดริบบิ้นสีขาว ชูป้ายข้อความต่างๆ ที่แปลกตามากกว่าการจัดกิจกรรมชุมนุมฯทุกครั้งที่ผ่านมาคือ การนำลูกโป่งตัวเป็ดสีเหลือง ที่สื่อแสดงให้เห็นถึงความน่ารัก เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ความสามัคคี ความใกล้ชิดระหว่างผู้คนให้แน่นแฟ้นกลมเกลียวโดยปราศจากการเมืองถูกนำมาใช้กับงานนี้ จนได้รับความสนใจกับผู้ที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก
ก่อนเริ่มการชุมนุม เมื่อเวลา 17:25 น. พ.ต.ท.ฐิติพล อรุณสกุล รองผกก.ปป.สภ.นิคมอุตสาหกรรม /รรท.ผกก.สภ.เมืองลำพูน ได้ชี้แจงข้อกฎหมายเกี่ยวกับการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 โดยใช้โทรโข่งเป็นเครื่องขยายเสียง
จากนั้นเวลา 17:30 น. ตัวแทนกลุ่มฯ นักเรียน นักศึกษา และ ประชาชนทั่วไปสลับขึ้นปราศรัย โดยมีเนื้อหาใจความสำคัญ อาทิ สถานการณ์ทางการเมืองที่มีการชุมนุมบริเวณโดยรอบรัฐสภา กทม. ของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลชุมนุมโดยสงบแต่ถูกเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมโดยเกินกว่าเหตุ จนทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา , ความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย นักศึกษาจบการศึกษาแต่ไม่มีงานทำ โอกาศการศึกษามีไม่เท่าเทียมกัน , การกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ พบว่าหลายประเทศมีการปรับตัว แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยยังคงซึ่งไว้ในสถานะปัจจุบัน , ความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาประเทศ การรักษาอำนาจของ ส.ว. และ องค์กรอิสระต่างๆ , ความล้มเหลวในการแก้ปัญหาสถานบริการ และ การค้าประเวณี โดยเชิญชวนประชาชนที่สนใจร่วมลงชื่อ ยกร่างกฎหมาย ยกเลิก พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี เป็นต้น
ต่อมา ตัวแทนกลุ่ม “ลำพูนปลดแอก” กล่าวเชิญชวนมวลชนที่มาร่วมกิจกรรมฯให้เดินทางไปยังที่ สภ.เมืองลำพูน ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน เพื่อแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำพูน ตามกฎหมายอาญา ม.157 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่บริเวณรัฐสภา กทม. เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 63 ก่อนที่ทางกลุ่มฯจะได้แยกย้ายกันกลับในเวลา 21:00 น.
อนึ่ง มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรรณิการ์ วิจิตรสกลการ ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดลำพูน รายงาน
