ชาวบ้านเฮ..! อุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานยางพาราแล้ว หลังปล่อยน้ำเสียมานาน

ชาวบ้านเฮ..! อุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานยางพาราแล้ว หลังปล่อยน้ำเสียมานาน

ชาวบ้านเฮ..! อุตสาหกรรมสั่งปิดโรงงานยางพาราแล้ว หลังปล่อยน้ำเสียมานาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายวรวิทย์ การุณ อายุ 58 ปี อชาวบ้าน หมู่ 11 ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำตัวแทนของชาวบ้านในเขต ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ และตำบลใกล้เคียง เข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนว่า โรงงานยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ ได้ปล่อยน้ำเสียเป็นสีดำลงไปในไร่นาและสวนยางพาราของชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับโรงงาน อีกทั้งน้ำที่เน่าเสียได้ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปเป็นบริเวณกว้าง ทำให้สวนยางพาราของชาวบ้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้น้ำยางออกน้อย กลิ่นน้ำเสียทำให้ชาวบ้านแสบตาแสบจมูกมาก มีชาวบ้านจำนวน 3 หมู่บ้าน 1 วัด 2 ร.ร. ประกอบด้วยบ้านเสียว บ้านโนนใหญ่ บ้านไร่เจริญ วัดป่าโนนใหญ่ โรงเรียนอนุบาลเบญจมิตร นักเรียนประมาณ 500 คน โรงเรียนเบญจลักษ์พิทยา นักเรียนประมาณ 2,000 คน ร้านอาหารและกาแฟ NATURE ที่อยู่ใกล้กับโรงงานยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นมากไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข ชาวบ้านได้เคยร้องเรียนไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแล้วแต่เรื่องเงียบหายไป ล่าสุดได้เรียกร้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสั่งปิดโรงงานยางพาราไว้ก่อนจนกว่าจะทำการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นให้เรียบร้อย ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จากกรณีชาวบ้านโนนใหญ่ หมู่ที่ 11 ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ ได้รับความเดือดร้อนกลิ่นน้ำเสียจากการประกอบกิจการโรงงานแปรรูปและรับซื้อยางพาราของสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ จำกัด นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้สั่งการให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดศรีสะกษร่วมกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดศรีสะเกษ ที่ว่าการ อ.เบญจลักษ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผญบ.หมู่ที่ 11 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ ตามที่มีการเสนอข่าวทางสื่อมวลชน

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากคณะเจ้าหน้าที่ที่ได้ลงไปทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า พื้นที่ในบริเวณโรงงานดังกล่าว มีน้ำเสียส่งกลิ่นเหม็นไหลลงสู่พื้นที่ของเอกชนเป็นเหตุให้ชาวบ้านบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน เป็นน้ำเสียที่ไหลออกจากการกองขี้ยาง โดยยังไม่ได้ผ่านกระบวนการบำบัด และมีน้ำเสียไหลลงสู่ที่ดินของชาวบ้าน ทำให้น้ำเน่าเสียมีกลิ่นเหม็นเดือดร้อนรำคาญ โดยเบื้องต้น ทางอุตสาหกรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจ้งให้สหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ ดำเนินการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาดังนี้คือ ให้นำยางพาราที่รับซื้อไปกองบริเวณจุดพัก ที่มีทางไหลของน้ำเข้าสู่ระบบบำบัด ให้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมแนวกันทางน้ำเสียเพื่อไม่ให้ไหลลงสู่พื้นที่หรือแหล่งน้ำข้างเคียง โดยด่วนที่สุดแล้ว

นายสมพร ปองไว้ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ ผู้ซึ่งปลัดกระทรวงมอบหมาย เปิดเผยว่า ตนได้ลงนามในหนังสือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดศรีสะเกษ ที่ ศก 0033 (2)/ 782 ลงวันที่ 30 พ.ย. 63 เรื่อง ให้หยุดประกอบกิจการโรงงาน แจ้งถึงประธานสหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ จำกัด โดยแจ้งว่า จากการที่ตนและคณะส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ไปทำการตรวจสอบเรื่องที่ชาวบ้านร้องทุกข์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว พบว่า การรั่วไหลของน้ำเสียออกจากบ่อกักเก็บน้ำเสียภายในบริเวณโรงงานโดยไม่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย ลักษณะดังกล่าวอาจก่อให้เกิดอันตรายหรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงแก่บุคคลหรือทรัพย์สินที่อยู่ในโรงงานหรือที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงาน ดังนั้น จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.โรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 จึงมีคำสั่งให้สหกรณ์การเกษตรเบญจลักษ์ จำกัด หยุดประกอบกิจการโรงงานทั้งหมด นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งฉบับนี้เป็นต้นไป

นายสมพร เปิดเผยต่อไปว่า นอกจากนี้แล้วยังได้แจ้งให้ปรับปรุงแก้ไขโรงงานดังนี้ ให้ดำเนินการซ่อมแซมบ่อกักเก็บน้ำเสียโดยด่วน ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับคำสั่ง ให้ดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ในการกองเก็บวัตถุดิบกลางแจ้ง โดยต้องมิให้เกิดน้ำเน่าเสียอันเกิดจากการกองเก็บยาง ไหลลงไปรวมในบ่อน้ำที่เกิดการรั่วไหล ให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่ได้รับคำสั่งนี้ และให้บำบัดน้ำเสียที่ยังคงเหลือทั้งหมดในบ่อที่เกิดการรั่วไหล เข้ากระบวนการบำบัดน้ำเสียของโรงงาน ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันนับแต่ได้รับคำสั่งนี้

ทางด้าน นายวรวิทย์ การุณ อายุ 58 ปี ชาวบ้าน หมู่ 11 ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตัวแทนของชาวบ้านในเขต ต.เสียว อ.เบญจลักษ์ และตำบลใกล้เคียงที่ได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจมาก ที่ปัญหานี้ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปี ได้รับการแก้ไขปัญหาโดยท่าน ผวจ.ศรีสะเกษ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็วมาก ทำให้ชาวบ้านทุกคนไม่ต้องทนทุกข์กับน้ำเสียและกลิ่นเหม็นจากโรงงานนี้อีกต่อไป ตนและชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนทุกคนต้องขอขอบคุณท่าน ผวจ.ศรีสะเกษ และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ได้แก้ไขปัญหาช่วยเหลือชาวบ้านในครั้งนี้.

ภาพ : ข่าว ศิริเกษ หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม