ศาล จว.ตราด

ศาล จว.ตราด ออกหมายจับทหารกาวรูด เพิ่มอีก 5 คน รวมทหาร ยศ นาวาโท หน.ชุด ร่วมกัน กักขัง หน่วงเหนี่ยว กรรโชกทรัพย์

ศาล จว.ตราด ออกหมายจับทหารกาวรูด เพิ่มอีก 5 คน รวมทหาร ยศ นาวาโท หน.ชุด ร่วมกัน กักขัง หน่วงเหนี่ยว กรรโชกทรัพย์

      หมายจับทหาร ยศ  นาวาโท   หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษ กอ.รมน. จว.ตราด พร้อมลูกน้องเพิ่มอีก 5  คน  พัวพันทีมอุ้ม กักขัง หน่วงเหนี่ยว กรรโชกทรัพย์ เครือข่ายยาเสพติดพื้นที่ จว.ตราด เรียกรับเงินตอบแทนแลกอิสรภาพ  เจอย้อนศร หักหลัง  แจ้งความดำเนินคดีพร้อมหลักฐานการโอนเงิน ผ่านธนาคาร 35,000 บาท  ศาลออกหมายจับเพิ่ม ข้อหาไม่ใช่พนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ กักขังหน่วงเหนี่ยว และกรรโชกทรัพย์โดยมีอาวุธปืนติดตัวขู่เข็ญ

 จากกรณีที่ได้มีกลุ่มคนที่อ้างตัวว่า เป็นชุดปฏิบัติการพิเศษ กอ.รมน.จว.ตราด(กองอำนวยการ รักษาความมั่นคงภายใน จังหวัดตราด  จำนวน 7-8 คน  ควบคุมตัว นายนพรุจ ชนแก้ว  พร้อมของกลาง ยาไอซ์ จำนวนหนึ่ง เข้าไปยังห้องพัก จำนวน 3 ห้อง ที่ชุดเฉพาะกิจ ได้จองที่พักเอาไว้ จึงได้มีการเรียกเงินตอบแทน  เพื่อแลกอิสรภาพ จำนวนเงิน 100,000 บาท แต่ทางด้าน นายนพรุจ ได้ต่อรองเหลือเพียง 35,000 บาท  พร้อมโอนเงินผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ธนาคารกรุงไทย ให้กับ นายพิพิชญ์พงธ์ วงษ์สุวรรณ  เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564  ซึ่งต่อมาญาติ ผู้นำชุมชนที่เห็นเหตุการณ์ ได้ให้ นายนพรุจ ชนแก้ว ไปแจ้งความร้องทุกข์ และดำเนินคดี กับ ชุดเฉพาะกิจ กอ.รมน.จว.ตราด โดยเฉพาะ จ่าเอก เฉลิมพล  เปาเล้ง หรือเปา เป็นข้าราชการทหารเรือ สังกัดหน่วยงานพื้นที่อำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ที่ถ่ายบัตรประจำตัวข้าราชการไว้กับตำรวจ เพื่อขอรถของตัวเอง ที่จอดในที่เกิดเหตุ

 ซี่งต่อมาทางด้าน  พ.ต.ต. วุฒิพงศ์ ล้อมวงศ์ สารวัตร(สอบสวน) สภ.ตราด ได้ขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับ ผู้ต้องหา จำนวน 4 คน  ซึ่ง ศาลจังหวัดตราดได้พิจารณาตามหลักฐานแล้ว อนุมัติให้ จับคุมตัว จ่าเอก เฉลิมพล เปาเล้ง หรือเปา บ้านเลขที่ 200/83 ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี  ตามหมายจับ เลขที่ จ.23/2564  นายประยุทธ ทั่งทอง หรือเสธ.เขียด ลูกจ้างประจำสังกัดอยู่ในพื้นที่สัตหีบ  เลขที่ 36/246 ม.3 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หมายจับ  เลขที่ 24/2564 นายพิพิชญ์พงธ์ วงษ์สุวรรณ หรือโน้ต เลขที่ 59 ม.9 ต.เขาสมิง อ.เขาสมิง จ.ตราด หมายจับ เลขที่ 21/2564 และ น.ส.ภาชินี  สมหมาย หรือก้อย เลขที่ 197 ม.7 ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด ในข้อหาร่วมกันแสดงตน เป็นเจ้าหนักงาน และกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่กระทำการนั้น ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หวังจำยอมต่อสิ่งใด ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ โดยมีอาวุธ  และร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกักขังผู้อื่น หรือกกระทำประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันกรรโชกทรัพย์ โดยมีอาวุธปืนติดตัวขู่เข็ญ

 ความคืบหน้าในเรื่องนี้ (24 ก.พ.2564) ทางด้าน พ.ต.ต.วุฒิพงศ์  ล้อมวงศ์ สารวัตร(สอบสวน) สภ.ตราด ได้ทำหนังสื่อขออนุมัติออกหมายจับ เพิ่มอีก จำนวน 5 คน (ทหาร 4 คน พลเรือนอีก 1 คน) ศาลจังหวัดตราด ได้อนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 4 คน ตามหมายจับ เลขที่ 25,26,27,28  และ 29/2546  ลงวันที่ 23 ก.พ.2564 คือ นาวาโท ฉัตรชัย คลังเพ็ชร อายุ 42 ปี  หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษ กอ.รมน.จว.ตราด และ หัวหน้ากลุ่มงานข่าว กอ.รมน. ฯ พันจ่าเอก วิจิตร ศรีภักดี อายุ 45 ปี รอง หน.ชุดปฎิบัติการพิเศษฯ จ่าเอก วัฒชนะ ดอกไทร อายุ 45 ปี รอง หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษฯ   จ่าเอก สนธยา ปัจฉิมมา อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฯ และนายมานะ เอมศิริ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ในข้อหาเดียวกับ 4 คนแรกที่ศาลออกหมายจับไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหน่วยทหารในพื้นที่สัตหีบ ได้มอบหมายให้ทางด้าน นาวาเอก โกวิทย์ ตาระโสภณ หัวหน้านายทหารพระธรรมนูญ ฐานทัพเรือสัตหีบ นำตัว จ่าเอก เฉลิมพล  เปาเล้ง หรือเปา และ จ่าเอก วัฒชนะ ดอกไทร  รอง หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษฯ ไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน และร่วมรับฟังการสอบสวนตามข้อตกลงระหว่างกระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย ส่วนข้าราชการ และลูกจ้างประจำ ที่ถูกออกหมายจับ บางคนได้เดินทางไปรายงานตัว รับทราบข้อกล่าวหาจาก สภ.ตราด ด้วยตัวเองบ้างแล้ว

 ซึ่งทางด้าน นาวาเอก โกวิทย์ ตาระโสภณ  หน.นายทหารพระธรรมนูญ ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้กล่าวว่า เรื่องนี้ทางด้าน พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ . และ พลเรือโท อนุชาติ อินทรเสน  ผู้บัญชาการ ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้เน้นย้ำว่า  ข้าราชการที่กระทำความผิด และพัวพันกับการกระทำความผิดในทุกกรณี จะต้องได้รับโทษทางวินัย และกฎหมาย  อย่างไม่มีข้อยกเว้นใด ๆ ถ้าผลการตัดสินตามพยาน หลักฐาน แน่ชัดว่าได้ร่วมกันกระทำความผิดจริง ก็ต้องถูกลงโทษ ซึ่งเรื่องนี้ ข้าราชการทุกคนจะต้องขึ้นศาลพลเรือน เนื่องจากคู่กรณีเป็นพลเรือน จึงจำเป็นต้องรอผลการสอบสวน และการตัดสินของศาลเป็นที่สิ้นสุด  ว่าผู้ใดกระทำความผิดสถานใด ทางกองทัพเรือ และหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ต้องรับโทษ แต่ขณะนี้ยังเป็นผู้ต้องสงสัย และถูกซัดทอดว่ามีส่วนร่วมอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเท่านั้น กองทัพเรือ ไม่มีนโยบายที่จะเลี้ยงคนผิดวินัยร้ายแรงอย่างแน่นอน 

    ทีมข่าวเฉพาะกิจ ส่วนกลาง รายงานจาก จว.ตราด

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม