ขุมทรัพย์เหมืองแร่ (ต่อ) ใคร….ตั้งโต๊ะเจรจา สรรหาผู้ประกอบการเหมืองแร่ รายใหม่ในพื้นที่เมืองเก่า
วงการเหมืองแร่ ในประเทศไทย เป็นวงการที่แคบ ถ้ามีความเคลื่อนไหวใด ๆ ข้อมูลข่าวสาร ความเคลื่อนไหว ก็ถึงกันทั้งหมด เหมือน “กะลาใบเดียว” ก็ส่งเสียงดังถึงกัน ทุกทิศทุกทาง รับรองได้ว่าจะไม่มีเรื่องที่เป็น”ความลับ” เพราะผู้ประกอบการเหมืองแร่ และสมาคมเหมืองแร่ ไม่ธรรมดา พึงอย่ามองข้าม อย่าประมาท อีกทั้งอย่าประเมินค่าอะไรต่ำ ๆ คงยากที่จะจับใครมาเป็นแพะไปบูชายันต์ หรือหมูที่จะเชือดเมื่อใดก็ได้ อำนาจภายในไม่ใช่คำตอบสุดท้าย หรือเบ็ดเสร็จที่พึงจะกระทำกันได้ จึงต้องยึดเจตนา และความถูกต้อง จงอย่าให้เหมือนเหมือง “อัครา “ที่เป็นต้นแบบ่ให้ศึกษา เรียนรู้ ทุกฝ่ายจะหาทางออก แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นใน “เหมืองแร่” สัตหีบ โดยด่วน เพระขณะนี้ STORY กำลังถูกโยงใยแบบไร้ขอบเขต และกำหนดทิศทางไม่ได้ว่าจะจบอย่างไร
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ช่วงวันหยุดระหว่างต้นเดือน ถึงกลางเดือน กุมภาพันธ์ 2564 “ความลับ” ได้ถูกเปิดเผยออกมา ต่อเมื่อมีผู้ประกอบการเกี่ยวกับโรงโม่หินรายหนึ่ง ได้มาสอบถามเรื่องปัญหา โรงโม่หิน สัมปทาน กองทัพเรือ พื้นที่สัตหีบ กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ว่า โรงโม่หินมีปัญหาอะไรกัน จึงได้มีนายทหารท่านหนึ่ง น่าจะมียศเป็น “นายพล”ได้สรรเชิญผู้ประกอบการโรงโม่มาพบ ปรึกษาหารือ เพื่อสรรหาผู้ประกอบการโรงโม่รายใหม่ เพื่อให้จัดเตรียมองคาพยพ เข้ามาทดแทนรายเก่า โดยบอกว่าอีกไม่กี่เดือนบริษัทฯนี้ก็จะหมดสัญญาประจำปี กองทัพเรือ จะไม่ต่อสัญญาให้แล้ว เพราะไม่สามารถผลิตหินได้ตามสัญญาที่ทำไว้กับกองทัพเรือ และทำให้กองทัพเรือมีปัญหาถูกโจมตี และยังค้างค่าปรับอีกจำนวนมาก
นายทหารชั้นผู้ท่านนี้ ถึงกับตกใจ ในคำถาม และประโยคบอกเล่าจึงตั้งสติ แล้วตอบไปว่า เรื่องนี้คงยังไม่ใช่เรื่องข้อเท็จจริง ไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ว่ากองทัพเรือ จะไม่ต่อสัญญาให้กับบริษัทฯ เก่าที่กำลังประกอบกิจการ เป็น “ลูกจ้าง”ผลิตหินให้กับกองทัพเรือ เพราะ ในพื้นที่ประทานบัตร สัมปทานกองทัพเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพราะการยกเลิกสัญญานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เหมือนที่หลายคนคิด หรือมุ่งหวัง ที่จะให้เป็นไปตามแผน ที่วางไว้ โดยขาดความรู้เรื่องกฎหมาย ข่าวสารที่ออกไปสู่คนภายนอกว่า เหมืองแร่ แห่งนี้มีปัญหานั้น เป็นเพียงปัญหาของกลุ่มที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ อีกทั้งกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ จึงได้พยายามทุกวิถีทางให้เกิดปัญหา คาดหวังให้บุคลากรในกองทัพเรือที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ สับสนในข้อมูลข่าวสาร คงต้องถามกันก่อนว่า มีหลักฐานอะไรที่เขากระทำความผิด ก่อให้เกิดความเสียหายกับกองทัพเรือ
นายทหารท่านนี้ จึงได้ถามกลับไปว่า ได้ทราบเรื่องที่ กองทัพเรือ จะไม่ต่อสัญญาให้กับบริษัทฯ เก่าได้อย่างไร..จึงได้ตอบว่า ผมเองได้รับงานจากเจ้านายให้เข้ามาหาข้อมูลเหมืองแร่ในพื้นที่สัตหีบ ก่อนจะตัดสินใจเสนอตัวเข้ามาทำธุรกิจโรงโม่หินที่สัตหีบ ซึ่งเจ้านายเล่าให้ฟังว่า ช่วงวันหยุดประมาณกลางเดือน กุมภาพันธ์ 2564 ได้มีนายทหารระดับ “นายพล” เชิญผู้ประกอบการโรงโม่ เข้าไปเจรจา ในสถานที่แห่งหนึ่งของ เมืองเก่า เพื่อจะคัดสรรบริษัทฯที่มีความพร้อม มีศักยภาพ มีความชำนาญ เตรียมการไว้เพื่อทำสัญญาเป็นลูกจ้าง กองทัพเรือ ในการผลิตหิน โดยได้รับคำยืนยันว่า กองทัพเรือคงจะไม่ต่อสัญญาให้กับบริษัทฯเดิมอย่างแน่นอน แต่ผู้ประกอบการก็ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะการทำเหมืองหิน และการรักษาสัญญาระหว่างกันนั้น มีข้อผูกพัน อีกทั้งมีข้อกฎหมายในการคุ้มครอง เพราะทราบปัญหาเหมืองแร่นี้มาก่อนว่า ได้ทำผิด พ.ร.บ.เหมืองแร่ มายาวนาน ซึ่งบริษัทฯที่เข้ามาใหม่ได้แก้ไขปัญหาจนเป็นที่ยอมรับ ได้มาตรฐาน ของ กระทรวงอุตสาหกรรม
นายทหารท่านนี้จึงได้ถามต่อไปว่า จะเชื่อได้อย่างไรว่าผู้ที่อ้างตัวว่าเป็น” นายพล” จริง และทราบชื่อไหมว่าชื่ออะไร มีหน้าที่เกี่ยวข้องอะไรกับโรงโม่หิน ถึงกล้าให้คำมั่นสัญญากับผู้ประกอบการได้ขนาดนี้ เพราะการจะต่อสัญญา หรือไม่ต่อนั้น เป็นเรื่องการพิจารณาของคณะทำงานในกิจการสวัสดิการ กองทัพเรือ และกิจการหิน สวัสดิการ สัมปทานกองทัพเรือ ไม่ใช่อำนาจการตัดสินใจจากผู้ใดผู้หนึ่ง และเรื่องนี้พวกคุณอย่าพึ่งตกหลุมพราง เพราะตอนนี้น่าจะมีขบวนการ ทั้งคนภายใน และภายนอก กำลังสร้างปัญหาเพื่อไม่ให้บริษัทฯที่เป็นลูกจ้างในขณะนี้ สามารถผลิตหินได้ และยังมีแผนการเอื้อประโยชน์ในหลายวิธี กับบุคคลภายนอก ซึ่งขณะนี้ผู้ใหญ่ในกองทัพเรือ น่าจะได้ทราบข้อมูลบ้างแล้ว และคงจะต้องตรวจสอบกันต่อไปว่า ใครคือ “ไอ้โม่ง” ที่สร้างปัญหาให้กองทัพเรือ เสียหาย ได้รับคำสั่ง หรือนโยบายจากใคร ที่สามารถไปทำอย่างนี้ได้ ถึงอย่างไรก็ต้องมีการเปิดประมูลแข่งขันกันก่อน ที่จะตัดสินใจเอาใครเข้ามาก็ได้
เรื่องนี้น่าจะชัดเจน และ สามารถเชื่อมโยง ถึงกลุ่มแสวงผลประโยชน์ในเหมืองแร่ และกลุ่มที่มุ่งทำลายความชอบธรรม ที่มีความสลับซับซ้อน วางแผนอย่างเป็นระบบ โดยตั้งธงไว้แต่เริ่มแรกแล้วว่าจะกำจัดบริษัทฯ นี้ให้พ้นวงจร จึงสร้างเรื่อง สร้างปัญหา สกัดทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ประกอบกิจการได้ ให้สอดคล้องกับ การเสนอขอเปลี่ยนแปลงผู้ประกอบการ อีกทั้งยังคาดหวังว่าน่าจะเป็นไปได้ จึงกล้าตั้งโต๊ะเจรจากันในพื้นที่เมืองเก่า ในรายละเอียดได้มีข้อเสนอ แบ่งปันหน้าที่ แบ่งปันผลประโยชน์กันอย่างทั่วถึง … ส่วนปัญหาเรื่องสัญญาที่ไม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ. และ กฎหมาย จะเสนอให้มีการลดการผลิตเพื่อไม่ให้ผิดกฎหมายเหมืองแร่ ทั้งที่น่าจะมีการขออุทธรณ์ให้บริษัทฯเก่า ที่มีปัญหาเรื่องการเสียค่าปรับ…. ถ้ามีการเปลี่ยนสัญญาลักษณะนี้ เท่ากับ สวัสดิการ กองทัพเรือ ก็จะได้รับประโยชน์น้อยกว่าเดิมจากที่ได้ในปัจจุบันนี้
เมฆ หมอก ท้องฟ้า ที่อึมครึม มาเกือบครึ่งปี ก็เริ่มมีแสงสว่าง หรือเริ่มเห็นแสงสว่างในปลายอุโมงค์ คงจะสามารถนำทัพ นำองคาพยพ เดินได้ถูกทางกันเสียที ผลประโยชน์ส่วนตัวที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับส่วนรวม ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำทัพ และผู้เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบข้าราชการที่ขวักไขว่แต่ผลประโยชน์ส่วนตัว ลุแก่อำนาจ ไม่ช่วยกันรักษาความถูกต้อง ไม่รักษากฎหมาย ไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ของกองทัพ ไม่ช่วยแก้ไขปัญหา ไม่อำนวยความสะดวกให้กับ”ลูกจ้าง “ ก็ต้องพิจารณามีบทลงโทษ เพราะได้ให้ความไว้วางใจ และมอบหมายให้มาทำหน้าที่ เพื่อรักษาประโยชน์โดยรวมของกองทัพ ให้เกิดความยั่งยืน ไร้ซึ่งปัญหา แต่ทำไมปัญหาถึงได้รุกรามไปในวงกว้าง ทั้งที่เกิดความสงบมานาน และมีการแก้ไขปัญหาความผิดพลาด มาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับกับองค์กรภายนอกที่เกี่ยวข้อง
“ช้างตายทั้งตัว ใบบัวปิดไม่มิด” เชื่อกันหรือยังว่า ขุมทรัพย์เหมืองแร่ ของกองทัพเรือ มีกลุ่มเสียผลประโยชน์ รวมตัวกันจริง มีทั้งคนในเครื่องแบบ และคนนอกเครื่องแบบ มุ่งทำลายความชอบธรรม ไม่เป็น”นายจ้าง”ที่ดีให้กับลูกจ้าง ส่งผล ลูกจ้าง ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นรูปธรรม ก็เพราะ มีคน ที่ไม่ปรารถนาดีกับกองทัพ และทราบหรือยังว่าใครคือ”ไอ้โม่ง”ตัวจริง ที่เปิดพรมที่ปิดขยะเน่าเหม็นออกมา เพื่อสร้างปัญหาให้กองทัพ เสื่อมเสีย ส่งผลคนในกองทัพในอดีต มีมลทิน” แต่ป้ายสีความผิดให้กับลูกจ้าง ทั้งที่ลูกจ้างเข้ามาแก้ไขปัญหาให้เหมืองแร่แห่งนี้
“มังกรบูรพา”
