รวบแล้ว! ผู้ต้องหาผลัก จยย.ผู้ช่วยพยาบาลสาวล้ม เข้าใจผิดคิดว่าเป็นพี่สาวแฟน
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 เวลา 08.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รณฤทธิ์ สุธาพจน์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วิสุทธิ์ ภิมาลย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเพชรบูรณ์และตำรวจชุดสืบสวนร่วมกันจับกุมตัวนายสรรเสริญ สาชู อายุ 26 ปี ผู้ต้องหา ที่ได้ก่อเหตุผลักรถจักรยานยนต์ น.ส.แนน (นามสมมุติ) ผู้ช่วยพยาบาลสาวของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขณะขับรถจะกลับบ้านหลังออกเวรที่โรงพยาบาล จนรถจักรยานยนต์ล้มได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าและที่ใบหน้าคิ้วถลอก ก่อนที่ผู้ต้องหาเจ้าตัวสารภาพไม่ได้ถีบแค่ตั้งใจผลักให้ล้ม เข้าใจผิดว่าเป็นพี่สาวแฟนที่พาแฟนตนหลบหนีไม่ให้เจอหน้า โดยเหตุเกิดที่บริเวณถนนทะเลทอง-ดงมูลเหล็ก อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
โดยหลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีไปกบดานอยู่บ้านของตนเอง กระทั่งล่าสุดตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายนายสรรเสริญ สาชู อายุ 26 ปี ได้ที่บ้านเลขที่ 314/1 ถ.เพชรเจริญ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ข้อหา“ทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์” พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้ามู๊ฟ สีน้ำเงิน-ดำ หมายเลขทะเบียน ๑กง 6739 เพชรบูรณ์ ,เสื้อแขนยาว ยี่ห้อแม็ค สีน้ำเงินคาดส้ม ,กางเกง เจเจสีดำแบบลาย ,หมวกกันน๊อกแบบเต็มใบ สีดำคาดส้ม ที่ใช้ก่อเหตุดังกล่าว ส่วนนายสรรเสริญฯ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง จึงนำตัวส่ง พ.ต.ท.สานนท์ จันจินดา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบถามนายสรรเสริญ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริงและไม่ประสงค์ต่อทรัพย์ โดยอ้างว่ากำลังมีปัญหากับแฟนและได้ขับรถออกตามหาเพราะเข้าใจว่าแฟนจะไปหลบอยู่กับพี่สาวที่บ้านดงมูลเหล็ก พอไปถึงที่เกิดเหตุเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพี่สาวแฟนขับรถจักรยานยนต์ จึงขับรถจักรยายนต์ไปตีคู่แล้วใช้มือผลักเข้าที่ด้านหลังพยาบาลสาวไม่ได้ใช้เท้าถีบรถแต่อย่างใด จนทำให้รถเสียหลักล้มลงข้างทางได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ทั้งนี้จากการสอบประวัติ พบว่าผู้ต้องหา เคยถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา
พ.ต.อ.รณฤทธิ์ สุธาพจน์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า คดีนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นคดีที่ทำลายขวัญเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานแก้การติดเชื้อโควิด อีกทั้งผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วิสุทธิ์ ภิมาลย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองเพชรบูรณ์และชุดสืบสวน เร่งรัดจับกุมตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว เพราะคดีดังกล่าวเป็นคดีที่สร้างความสะเทือนใจแก่ประชาชนและสังคมเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามทางตำรวจเองเร่งรัดรัดอยู่แล้ว แต่การเร่งการทำงานเกินไปก็เป็นการกดดันเจ้าหน้าที่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงาน ดำเนินการด้วยความโปร่งใส เพราะไม่อยากให้ไปจับกุมคนที่ไม่ได้กระทำความผิดมา ส่วนใหญ่จับกุมได้หมด.
ภาพ-ข่าว ศุภเดช คำพุฒ / สมชาย คำพุฒ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดเพชรบูรณ์
