“สท.อ้อ”ยื่นมือช่วย“แม่ค้าน้ำส้มบางแสน” หลังจากถูกเทศกิจแจ้งจับผิดพรบ.คอมฯ แม่ค้าบอกทั้งร้องไห้อ้อนวอนขอร้อง

              เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 10 มิถุนายน 2563 ที่ สำนักงาน “สท.อ้อ”นายกันตภณ สุขุมาลินทร์ อดีตสท.เมืองชลบุรี แกนนำพรรคประชาธิปัตย์จ.ชลบุรี หมู่บ้านบ้านสวนคูณ 2 ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี  โดยนายกันตภณ  ได้พานางวรรณา เกตุสุวรรณ แม่ค้าน้ำส้ม พร้อมบุตรสาว มาเล่าข้อเท็จจริงในกรณีที่ถูกจนท.เทศกิจเทศบาลเมืองแสนสุข จับกุม พร้อมกับขอความเป็นธรรมกับ สื่อมวลชน จ.ชลบุรี หลังจากที่ได้โพสต์ เรื่องที่ถูกจนท.เทศกิจจับกุมบริเวณศาลเจ้าพ่อแสน พร้อมเรียกค่าปรับ 2 พันบาท เมื่อไม่มีค่าปรับ จนท.จึงได้นำน้ำส้มเททิ้งในถังขยะลงเฟสบุ๊ก จนกระทั่งสื่อมวลชนนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมารายงานข่าว

          นางวรรณา ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าก่อนเกิดเหตุได้โทรศัพท์หาลูกสาวบอกว่าให้เอาน้ำส้มจำนวน 20 กว่าแก้วที่อยู่ที่บ้านเอามาให้ที  เพราะจะนำไปส่งให้ลูกค้าที่ ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี ลูกสาวก็ถามว่าแม่จะคอยที่ไหน  ตนจึงบอกว่าคอยตรงศาลเจ้าพ่อแสนดีกว่า เพราะตรงนั้นมีม้าหินอ่อนให้นั่ง ก็เลยตกลงกับลูกสาวว่าจะคอยตรงนั้น  พอดีไปเจอคนรู้จักกันก็พูดคุยกัน ก่อนจะบอกให้เด็กที่มากับคนที่รู้จักกันว่า หนูมากินน้ำส้ม ก็เจาะให้เด็กไป 2 แก้ว พอเด็กกินเสร็จ ตนเองยังไม่ได้ทันปิดกล่องกำลังจัดของอยู่  ก็มีจนท.เทศกิจลงมาจากรถ จากนั้นก็มาถ่ายรูป ตนถามว่าถ่ายรูปทำไมคะ  หนูจอดแค่แป๊ปเดียวเองคอยลูกสาวอยู่จะนำน้ำส้มไปส่งลูกค้าที่ต.อ่างศิลา  เทศกิจก็บอกว่าอย่าเพิ่งไป ตนก็บอกว่าหนูไม่ได้ทำผิดอะไร ไม่ได้มาเร่ขายน้ำส้มนะคะ  นี่หนูเจาะให้เด็กกิน 2 แก้ว จากนั้นหนูก็คร่อมรถจยย.  เทศกิจก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปพร้อมกับดึงกุญแจรถหนูไป   หนูก็ลงจากรถจยย.บอกว่าพี่เอากุญแจรถหนูไปทำไมคะ  ขอคืนค่ะ เขาก็บอกว่าอย่ามาโดนตัวเขานะ ฟ้องแน่นะ  หนูก็เลยเลือดขึ้นหน้า บอกว่าฟ้องเรื่องอะไรคะ ฟ้องหนูข้อหาอะไรคะ เขาก็บอกว่าให้เลือกเอา 2 อย่างจะให้ยึดรถยย.หรือยึดกล่องน้ำส้ม  หนูก็บอกว่าถ้าพี่จะยึดจริง ๆ ก็ยึดน้ำส้มหนูไป จากนั้นเขาก็เอากล่องน้ำส้มขึ้นรถไป เทศกิจมากันทั้งหมด 4 คน เขาไม่ได้แสดงบัตรอะไร แต่หนูรู้ว่าเขาเป็นเทศกิจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นพนักงานหรือผู้ช่วย  หลังจากนั้นเขาก็พาไปที่ศูนย์เทศกิจตั้งอยู่ด้านหลังเทศบาลแสนสุข  เขาก็ยกลังน้ำส้มลงไป หนูก็ไปเจอกับเทศกิจอีกคนหนึ่งเขาบอกว่าปรับ 2 พัน  หนูก็ขอร้องให้เขาอย่าจับเลยแต่เขาก็ไม่ยอม แถมบอกอีกว่าลูก ๆ ก็โตทำงานได้แล้ว หนูก็บอกว่าช่วงนี้มีการระบาดโรคไวรัสโควิด ไม่มีที่ไหนเขารับทำงาน บางแสนก็ปิด จะให้ทำมาหากินอะไร ก็พยายามพูดเพื่อขอความเห็นใจ แต่เทศกิจก็ไม่ยอม ยืนยันจะปรับ 2 พัน  จนหนูทนไม่ได้เลยร้องไห้เพื่อของความเห็นใจขอความสงสาร และพูดกับเขาว่าพี่ทำไมใจร้ายอย่างนี้ ไม่ได้ทำความผิดอะไรมากมาย แต่เขาก็ไม่ฟัง หนูอ้อนวอนก็แล้ว ร้องไห้อะไรก็แล้ว แต่เขาก็ไม่ยอม   ก็ถามว่าถ้าไม่มีเงินจ่ายค่าปรับจะเอาน้ำส้มที่ยึดมาเอาไปไหน เขาก็ตอบว่าก็เอาไปทิ้ง หนูก็เลยสุดทนเลยตะโกนบอกไปว่า อยากจะเอาไปทิ้งก็ทิ้งไปเลย  พวกมึงทำกับกูเกินไปแล้ว  และวันนี้ทางจนท.เทศกิจ ยังได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับหนู ที่ สภ.แสนสุข ข้อหาผิดพรบ.คอมพิวเตอร์ เอารูปเขาไปลงประจาน โพสต์ความเท็จ

          

           “สท.อ้อ” กล่าวว่าในวันนี้ที่ได้พานางวรรณา มาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนนั้นแยกเป็นหลายกรณี กรณีแรกการที่เทศกิจได้จับกุมนางวรรณาไปเปรียบเทียบปรับเป็นเงินจำนวน 2 พันบาทนั้น กฎหมายระบุไว้ว่าผู้ใดฝ่าผืนตามมาตรา 20 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท ตามพรบ.รักษาความสะอาด ปี 2535 ซึ่งผมว่าคนเป็นจนท.สมควรใช้ดุลพินิจในการดูมูลค่าสิ่งของที่ผู้กระทำความผิดนำมาขาย กับจำนวนเงินค่าปรับที่มันสูงคือ 2 พันบาท กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถว่ากล่าวตักเตือนได้  แต่อย่างน้อยที่สุดจะปรับ 100-200 ก็ได้เพราะเป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่  ประเด็นมันขึ้นอยู่ที่ว่าหลังจากเขาไม่มีเงินค่าปรับ 2 พัน แล้ว เมื่อไม่มีเงินค่าปรับแล้วทางเทศกิจจะเอาของไปทำอะไร เทศกิจก็บอกตามที่นางวรรณา บอกว่าจะเอาไปทิ้ง  ผมเข้าใจความรู้สึกของคนทำมาค้าขาย เพราะขายน้ำส้มแก้วละ 10 บาท มาโดนปรับ 2 พันบาท  เขาก็เลยตอบแบบประชดประชันว่าทิ้งได้ทิ้งเลย   ในวันพรุ่งนี้(11 มิ.ย.) ผมก็จะให้นางวรรณา นำเงินค่าปรับไปชำระค่าปรับที่เทศกิจเทศบาลเมืองแสนสุข จะได้สอบถามรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว และจะดูว่าจนท.เทศกิจ ได้มีการทำอะไร นอกอำนาจหน้าที่หรือไม่  ส่วนคดีที่นางวรรณาถูกทางจนท.เทศกิจแจ้งความว่ากระทำผิดพรบ.คอมฯนั้นก็จะให้ทนายเข้าไปดูแลให้ เพราะเขาทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ   จากนั้น “สท.อ้อ” ได้มอบเงินจำนวน 3 พันบาทให้นางวรรณา บอกว่าเอาไปไว้เสียค่าปรับ และยังกล่าวอีกว่า ตนเองเห็นใจคนหาเช้ากินค่ำ อีกทั้งภรรยาตนเองก็มีอาชีพเป็นแม่ค้าซึ่งกว่าจะขายของได้แต่ละบาทมันก็มีความเหน็ดเหนื่อยและลำบากมาก ขายน้ำส้มแก้วละ 10 บาท มาโดนปรับ 2 พันบาท เป็นใครก็รับไม่ได้

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม